มุกดาหาร - กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านช้างไทยแลนด์ จ.พะเยา ขยายเครือข่ายปลูกกล้วยหอมคาเวนดิชถึงภาคอีสาน จ.มุกดาหาร จัดเวิร์กชอปแนะเคล็ดลับการปลูกกล้วยหอมให้ได้มาตรฐานการส่งออก เผยเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจะได้รับประกันราคาผลผลิตจากผู้ซื้อ คือวิสาหกิจชุมชนกลุ่มบ้านช้างไทยแลนด์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาเรารักมุกดาหาร ตลาดอินโดจีน จ.มุกดาหาร นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร เป็นประธานเปิดอบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมการปลูกกล้วยหอม “คาเวนดิช” เพื่อการส่งออก โดยทีมวิทยากรจากกลุ่มบ้านช้างไทยแลนด์ นำโดย นายประสาธน์ เปรื่องวิชาธร เจ้าของสวนกล้วยเกี๋ยง จ.พะเยา ประธานกลุ่มบ้านช้างไทยแลนด์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านช้างไทยแลนด์ ประธานบริหารบริษัท หว่าง กสิกรรม มีเกษตรกรผู้สนใจจากจังหวัดมุกดาหารและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมกว่า 120 คน
นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร กล่าวถึงการอบรมการลงทุนปลูกกล้วยคาเวนดิชครั้งนี้ว่า เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ เทคนิควิธีการในการปลูกกล้วยหอมคาเวนดิชเพื่อการส่งออกจากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มบ้านช้างไทยแลนด์ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการแนะนำ และให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาในเรื่องการปลูกและการส่งเสริมการผลิตให้ได้ผลผลิตตามที่ตลาดส่งออกต้องการ
นอกจากนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการรับประกันราคาผลผลิตจากผู้ซื้อ คือวิสาหกิจชุมชนกลุ่มบ้านช้างไทยแลนด์ เกษตรกรที่ปลูกกล้วยหอมส่งออก
นายประสาธน์ เปรื่องวิชาธร เจ้าของสวนกล้วยเกี๋ยง จ.พะเยา บอกว่า การปลูกกล้วยหอมคาเวนดิชเพื่อให้ได้ผลผลิตได้มาตรฐานส่งออกนั้นควรให้น้ำระบบน้ำหยด หรือระบบน้ำฝอยเพื่อประหยัดน้ำ โดยให้ประมาณ 8 ลิตรต่อต้นต่อวัน เป็นปริมาณที่ไม่เกินความต้องการของต้นกล้วย นอกจากนี้ การให้ระบบน้ำฝอยยังเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่สวนอีกด้วย
กล้วยคาเวนดิชเกิดจากการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์กล้วยไข่ อาศัยเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ร่วมกับการใช้รังสีแกรมมาในการปรับปรุงพันธุ์ จากนั้นทำการคัดเลือกกล้วยไข่ที่มีลักษณะดี มีความคงตัวของสายพันธุ์ และสามารถตรวจสอบเอกลักษณ์ทางพันธุกรรมได้ เหมาะแก่การปลูกเพื่อการส่งออก เนื่องจากมีสีเหลืองอ่อนแม้ยังดิบ เนื้อละเอียดเนียน ไม่มีไส้กลาง คล้ายกล้วยหอมทอง
ลักษณะภายนอก ผลป้อมปลายมน สีผิวเหลืองสดใส ปลายทู่ แต่ความยาวก้านผลยาวมากกว่าเดิม จึงทำให้การเรียงของผลภายในหวีเป็นระเบียบ ผลไม่เกยกัน การวางตัวในแต่ละเครือสวยงาม ทำให้ได้ผลผลิตที่สามารถส่งออกได้ต่อเครือสูงขึ้น ดังนั้น แม้จะปลูกในพื้นที่เท่าเดิม ปริมาณเท่าเดิม แต่สามารถเพิ่มปริมาณการส่งออกได้