เพชรบูรณ์ - ผอ.ศปป.4 กอ.รมน.นั่งหัวโต๊ะแก้ปัญหาที่ดิน รอส. ส่องอาคารตึกยักษ์ 3 หลัง ขณะที่รองอธิบดีป่าไม้สั่งฟื้นคดีใหม่ 61 คดีนับแต่ปี 54 ทั้งที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง-หลักฐานไม่พอ หรือขาดเจตนา รวมถึงคดีค้างชั้นอัยการ พร้อมเค้นสอบทายาท รอส.ทำรีสอร์ตเขาค้อทุกแปลง
วันนี้ (8 มี.ค.) พล.ท.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน., นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.), นายอำเภอเขาค้อ, ผกก.สภ.เขาค้อ, ป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์, ผอ.ป้องกันและรักษาป่า สำนักจัดการทรัพยากรที่ 4 พิษณุโลก ได้ประชุมร่วมกันที่อาคารกสิกรไทย โครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็ก อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่ดิน รอส.ที่ทำผิดเงื่อนไขและแนวทางแก้ไข
พล.ท.ผดุงกล่าวว่า มาวันนี้อยากทราบข้อขัดข้องในการดำเนินการ มาทำความเข้าใจ คลายความสับสน แต่อย่าย้อนเวลาไปมาก ซึ่งข้อกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำการเป็นคอมมิวนิสต์ได้ยกเลิกไปแล้ว แต่กลับทำให้หลายคนสงสัยและสับสน ซึ่งจริงๆ มีข้อบังคับวางกฎเกณฑ์อยู่ เวลานี้ต้องมองเพียงว่ากองทัพภาคที่ 3 ขอให้ประโยชน์ในที่ดินกรมป่าไม้เท่านั้นพอ ฉะนั้นจะต้องเริ่มแก้ไขปัญหา
วันเดียวกัน นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ ได้ประชุมนอกรอบกับนายชิต อินทรนก ป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้เขต อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อติดตามข้อมูลผลคดีตึกยักษ์ที่ปลูกสร้างบนแปลงที่ดิน รอส.และอยู่ในเขตป่าสงวนฯ บ้านสุ่งคุ้ม ต.เขาค้อ และคดีรีสอร์ตข้างเคียงอีก 3 คดี ซึ่งอัยการสั่งฟ้อง เพื่อหารือถึงข้อกฎหมายในกรณีหากจะมีการรื้อฟื้นคดีใหม่
นอกจากนี้ยังให้ทางป่าไม้ในพื้นที่รวบรวมข้อมูลคดีจำนวน 61 คดี ตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งทราบผลทางคดีแล้ว 9 คดี, พนักงานสอบสวนเห็นควรงดการสอบสวน 1 คดี, พนักงานอัยการแจ้งยุติการดำเนินคดี (ผู้ต้องหาเสียชีวิต) 2 คดี, พนักงานอัยการแจ้งคำสั่งไม่ดำเนินคดี 27 คดี, ยังไม่ทราบผลทางคดี (ยังอยู่ชั้นพนักงานอัยการ) 11 คดี, รอเอกสารยืนยันจากพนักงานอัยการ 3 คดี, ส่งมอบสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) 8 คดี
นายอรรถพลยังได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลทุกแปลง กำชับให้พนักงานป่าไม้ทำงานต่อเนื่อง ไม่ใช่หลังการจับกุมแล้วหน้าที่จะสิ้นสุด ต้องติดตามผลคดี จากนั้นที่ประชุมมีการหยิบระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดิน รอส.ที่ของกองทัพภาคที่ 3 ขึ้นมาถก ขอให้หน่วยป่าไม้ในพื้นที่ประสานขอสำนวนคดีที่มีการยกฟ้องแล้วมาพิจารณาเพื่อใช้เป็นแนวทางปิดช่องโหว่ในข้อกฎหมายตามที่นายทุนได้ยกขึ้นมาหักล้าง
กรณีรีสอร์ตบ้านพักแปลง รอส.และรีสอร์ตอยู่ในเขตป่า ซึ่งจากการสำรวจของชุดปฏิบัติการฯ พบมีจำนวน 135+169 ราย มีการตั้งข้อสังเกตว่า รีสอร์ตบ้านพักตากอากาศส่วนใหญ่ต่างมีทนายเป็นปรึกษาอยู่ จึงรู้ข้อกฎหมายดีว่าจะต้องเกาะกลุ่มในรัศมี 1 กิโลเมตรไว้ ทำให้การบุกรุกป่าในเขตความรับผิดชอบของป่าไม้ไม่ค่อยมี
ด้าน พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ ศปป.4 กอ.รมน. และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยังคงเดินหน้าสอบ รอส.เจ้าของที่ดินเพื่อหาหลักฐานใหม่เตรียมรื้อฟื้นคดี ซึ่งได้เค้นสอบทายาท รอส.เจ้าของที่ดินสร้างตึกยักษ์รีสอร์ตหรูกลางเขาค้อไปแล้ว และพบว่านอกจากตึกยักษ์ 3 หลัง ยังมีการให้ผู้อื่นก่อสร้างรีสอร์ตบนแปลงที่ดิน รอส.อีก 6 หลังด้วย ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้องเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมี 3 คดีนายทุนที่เจ้าหน้าที่จับกุมปลายปี 59 พร้อมกับคดีตึกยักษ์ และอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องเช่นกัน เนื่องจาก รอส.เจ้าของที่ดินร่วมลงทุนและใช้คำอ้างเป็นญาติกับผู้ต้องหา จึงไม่สามารถเอาผิดได้
