ศูนย์ข่าวขอนแก่น - เปิดใจ “น้องแบม” ฮีโร่เยาวชนร้องปราบโกงเงินคนจน ถึงเหตุผลที่ไม่ขึ้นรับโล่เชิดชูเกียรติ-ทุนการศึกษาจากคณะมนุษย์ศาสตร์ฯ เพราะสับสนการนัดหมาย และต้องการให้ผลสอบข้อเท็จจริงของกรรมการ มมส.สรุปให้แล้วเสร็จ ย้ำไม่เสียใจและตัดสินใจถูกที่ออกมาร้องเรียน คสช. ทนเห็นคนจนโกงเงินไม่ได้ อีก 2 เดือนเรียนจบต้องการก้าวตามฝันเป็นนักพัฒนาชุมชนที่ดี
ข่าวความเคลื่อนไหวฮีโร่วัยเยาว์ปราบโกงเงินสงเคราะห์คนจน “น้องแบม” น.ส.ปณิดา ยศปัญญา นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์ฯ สาขาวิชาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ยังอยู่ในกระแสที่สังคมติดตามอย่างใกล้ชิด และประเด็นที่หลายคนยังกังขาว่าเหตุใดวานนี้ (7 มี.ค.) น้องแบมไม่เดินทางไปรับโล่เชิดชูเกียรติและทุนการศึกษาจากคณะมนุษยศาสตร์ที่น้องแบมเรียนอยู่ ทั้งที่ทางคณาจารย์ได้จัดเตรียมพิธีมอบอย่างเป็นทางการ
ล่าสุดวันนี้ (8 มี.ค.) “น้องแบม” หรือ น.ส.ปณิดา ได้เปิดเผยที่ จ.ขอนแก่น ถึงมูลเหตุที่ไม่สามารถไปขึ้นรับโล่รางวัลและทุนการศึกษาจากคณะมนุษย์ศาสตร์ มมส.ว่าเกิดจากการประสานที่ผิดพลาด อาจารย์และเจ้าหน้าที่ของคณะฯ ติดต่อมายังตนกะทันหันเกินไป เดิมแจ้งให้ไปรับทุนการศึกษา แต่พอตกดึกของคืนวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา กลับมีอาจารย์อีกท่านแจ้งว่าจะขอมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้ ทำให้ตนสับสนว่าเป็นรางวัลเดียวกันหรือแยกกัน จึงทำให้พลาดไปรับรางวัล
อย่างไรก็ตาม น้องแบมบอกว่าทั้งทุนการศึกษาและเกียรติบัตรที่คณะฯ จะมอบให้นั้น โดยส่วนตัวและครอบครัวยังไม่ขอรับ ต้องการรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการที่ทางสภามหาวิทยาลัยตั้งขึ้นให้แล้วเสร็จเสียก่อน เพราะขณะนี้การสอบสวนก็ใกล้จะแล้วเสร็จอยู่แล้ว โดยมีประเด็นสอบสวนหลักๆ ประกอบด้วย การสั่งกราบเท้า, การทำร้ายร่างกายด้วยการทุบหลัง, การไม่ให้การช่วยเหลือนักศึกษาในปกครองของตนเองและการละเมิดสิทธินักศึกษา
น.ส.ปณิดาบอกอีกว่า ณ ขณะนี้ ตนยังรักในสถาบันคือมหาวิทยาลัยมหาสารคาม รักในคณะฯ สาขาที่เรียนมา ที่ไม่รับรางวัลดังกล่าวขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด และจะไม่ขอพูดอะไรถึงคณะครูอีก เพราะท่านเปรียบเหมือนแม่คนที่ 2 ความฝันตั้งแต่เด็กนอกจากจะอยากเป็นทหารแล้วยังอยากจะเป็นนักพัฒนาชุมชนเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ คนเร่ร่อน คนยากคนจน จึงตัดสินใจเลือกเรียนสาขาวิชานักพัฒนาชุมชน โดยมีหัวหน้าภาควิชาและอาจารย์ที่สอน เป็นเสมือนแม่อีกท่านหนึ่งที่คอยสั่งสอนตลอดระยะเวลา 4 ปี
“พอหนูนำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่ผิดกฎหมาย ไปบอกกล่าวเล่าให้อาจารย์รับทราบ กลับถูกกระทำเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงต้องออกมาเรียกร้องสิทธิและสิ่งที่ถูกต้องให้กับตัวเองและครอบครัวด้วยเช่นกัน” น.ส.ปณิดากล่าว และว่า ต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจจากสังคมที่ให้กำลังใจตนและครอบครัวมาโดยตลอด วันนี้ตนได้รับการยกให้เป็นเน็ตไอดอลในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย เสียงสะท้อนจากสังคมส่วนใหญ่ต่างให้การสนับสนุนในสิ่งที่ทำไป เพราะเป็นการต่อต้านคอร์รัปชันและต้องการให้นำคนกระทำผิดมาลงโทษให้ได้
การทุจริตครั้งนี้เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นกับคนจน คนยากไร้ ผู้ติดเชื้อโรคเอดส์ กลุ่มคนเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลือ แต่กลับมาถูกเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเงินสงเคราะห์ทุจริตนำเงินไปใช้กันเอง ประเด็นปัญหานี้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.และ คสช.จะต้องสอบสวนเอาคนผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ทั้งหมด ตนยังเชื่อว่าความยุติธรรมยังมีอยู่จริง
น.ส.ปณิดายอมรับว่า ค่อนข้างกลัวและร้องไห้คนเดียวมาตลอดหลังจากตัดสินใจนำเรื่องเข้าร้องเรียนต่อ คณะ คสช. จนนำมาสู่การสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ท. จนในที่สุดทราบกันอีกว่าเรื่องราวการทุจริตที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแต่เฉพาะพื้นที่ จ.ขอนแก่นเท่านั้น มีปัญหาการทุจริตเงินสงเคราะห์คนจนหลายจังหวัดทั่วประเทศ
“นักพัฒนาชุมชนไม่ควรทำอย่างนี้ หนูไม่เสียใจที่เรียน มมส. ไม่เสียใจที่เรียนสาขาพัฒนาชุมชน การออกมาร้องเรียนในสิ่งที่ผิด หนูคิดดีแล้ว ทำถูกต้องแล้ว และตั้งใจจะเดินหน้าทำในสิ่งที่สามารถช่วยเหลือคนยากคนจน อีกอย่างถ้าสิ่งไหนที่เรารู้ว่าผิดแต่ยังคงทำต่อไปก็เหมือนกับว่าเราไม่ได้ทำอะไรให้กับประเทศไทย ไม่รักประเทศชาติ เหมือนกับว่าเรานั้นไม่รักชาติอีกด้วย”
น.ส.ปณิดาบอกอีกว่า ตอนนี้เธอเหลือเวลาเรียนอีกประมาณ 2 เดือน ก็จะจบการศึกษาแล้ว จะต้องเร่งลงพื้นที่เก็บข้อมูล ทำผลงานวิจัย ตามระยะเวลาที่หลักสูตรกำหนด เพื่อให้จบการศึกษาได้พร้อมกับเพื่อนๆ และก้าวสู่การเป็นนักพัฒนาชุมชนที่ดีตามที่ได้ตั้งใจไว้