นครพนม - ยังจับไม่ได้โจรแสบดักทุบทำร้าย ชิงทองพร้อมเงินสดกว่า 6 หมื่นบาทยายวัย 84 ปีขณะปั่นสามล้อคนชราไปทำบุญที่วัด เผยคนร้ายวางแผนและรู้ความเคลื่อนไหวของเหยื่อตลอด ผกก.ศรีสงครามเร่งชุดสืบหาหลักฐานลากตัวดำเนินคดีให้ได้เร็วที่สุด ล่าสุดคุมตัวผู้ต้องสงสัยเค้นสอบแล้ว 2 คน
พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ ศรีจันทร์ ผกก.สภ.ศรีสงคราม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี กรณีเกิดเหตุ นางมา เกษมสุข อายุ 84 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ที่ 6 ซอยเทศบาล 6/1 ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ถูกคนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมหมวกปิดบังใบหน้า เข้าทำร้ายร่างกาย ทุบศีรษะจนหมดสติ ขณะผู้เสียหายกำลังปั่นจักรยานสามล้อคนชราเพื่อไปทำบุญที่วัด บริเวณถนนห่างจากหน้าบ้านประมาณ 20 เมตร
หลังจากนั้นคนร้ายชิงทองรูปพรรณ น้ำหนักรวม 7 บาท มีสร้อยคอทองคำลายโซ่ น้ำหนัก 5 บาท จำนวน 1 เส้น แหวนทองคำลายมังกร น้ำหนัก 0.5 บาท จำนวน 2 วง พระหลวงพ่อคูณเลี่ยมทองน้ำหนัก 1 บาท จำนวน 1 วง และเงินสดอีก 61,000 บาท ที่ใส่กระเป๋าติดตัวไว้ตลอด หลบหนีไป
เหตุเกิดเมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 5 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ภายหลังผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงไปบอกลูกชายพาไปตรวจรักษาร่างกายที่โรงพยาบาลอำเภอศรีสงคราม และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ศรีสงคราม
ล่าสุดภายหลังตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ เก็บหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมนำตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเก็บร่องรอยพิมพ์ลายนิ้วมือในจุดเกิดเหตุเพื่อนำไปตรวจสอบหาตัวคนร้าย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นคนในพื้นที่เป็นคนลงมือก่อเหตุ เพราะจากการสอบสวนมั่นใจว่าคนร้ายมีการวางแผน และรู้ความเคลื่อนไหวของผู้เสียหายมาก่อน จึงได้ลงมือก่อเหตุ
เบื้องต้นตำรวจได้เรียกตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ มาสอบสวน พร้อมเก็บดีเอ็นเอส่งไปตรวจสอบและเทียบกับหลักฐานที่ตรวจสอบได้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งรอผลการตรวจดีเอ็นเอ หากตรงกับบุคคลไหนจะจับกุมดำเนินคดีทันที พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงอีกรอบเพื่อหาหลักฐาน
พ.ต.อ.กิตติศักดิ์กล่าวว่า คดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่น่าสนใจ ไม่เคยเกิดเหตุมาก่อน และทำร้ายคนมีอายุ หลังเกิดเหตุตำรวจได้เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ เก็บหลักฐาน รวมถึงมีการสอบพยานไปแล้วหลายราย แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าผู้ต้องหาเป็นใคร เนื่องจากผู้เสียหายระบุว่ามีการปิดบังใบหน้า ยืนยันเพียงเป็นชาย 1 คน ร่างสูงใหญ่
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าตำรวจมีพยานหลักฐานสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปจับกุมผู้กระทำผิดได้ เบื้องต้นได้มีการนำตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบสรุปพยานหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งยืนยันว่าตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด