ศูนย์ข่าวศรีราชา - เสี่ยใหญ่นายหน้าซื้อขายที่ดินร้องทหาร คสช. อ.ศรีราชา และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี หลังถูกกลุ่มบุคคลอ้างตนเป็นทหารข่มขู่หมายเอาชีวิต พร้องเรียกขอแบ่งเงินค่านายหน้ากว่า 20 ล้านบาท
วันนี้ (6 มี.ค.) นายธงชัย ปิยะวงศ์วิศาล อายุ 74 ปี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ท.สมยศ สุนทรชัย รองผู้บังคับกองร้อย รักษาความสงบเรียบร้อย มทบ.14 ประจำ อ.ศรีราชา และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอศรีราชา หลังถูกกลุ่มคนลักษณะคล้ายทหารข่มขู่หมายเอาชีวิต เพื่อให้จ่ายเงินค่านายหน้าซื้อขายที่ดิน รวมเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท จนทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยในชีวิต โดยได้นำหลักฐานเป็นสำเนาเช็คการจ่ายเงินให้บุคคลดังกล่าวจำนวนกว่า 2 ล้านบาท มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ หลังได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานก่อนหน้านี้แล้ว
นายธงชัย เผยว่า เนื่องจากถูกบุคคลอ้างว่าเป็นทหารข่มขู่เพื่อที่จะเรียกเงิน จำนวน 18 ล้านบาทจากการซื้อขายที่ดิน รวมทั้งเป็นการสร้างเรื่องเท็จเพื่อที่จะเรียกเงินจำนวนดังกล่าว หากตนเองไม่จ่ายเงินให้ก็จะไม่ยอมให้มีชีวิตอยู่ และยังอ้างว่า จะนำนายทหารเข้ามาจับตัวไปเพื่อกระทำการบางอย่างที่อาจเป็นอันตรายแก่ตนเองด้วย พร้อมทั้งยังบอกอีกว่า สาเหตุที่ถูกข่มขู่น่าจะมาจากประเด็นใหญ่ 3 ประการ คือ 1.เรื่องเงินค่านายหน้าซื้อขายที่ดิน จำนวน 26 ไร่ บริเวณวัดบ่อหิน อ.ศรีราชา ที่ได้จ่ายให้แก่บุคคลดังกล่าวไปแล้วกว่า 2 ล้านบาท โดยมีเช็คของธนาคารเป็นหลักฐานยืนยัน แต่บุคคลดังกล่าวอ้างว่า ไม่ได้รับเงินจำนวนนี้ 2.เรื่องที่ดินแถว อ.ปลวกแดง ที่บุคคลดังกล่าวแจ้งว่ายังไม่ได้รับค่านายหน้า ทั้งที่ตนเองเป็นคนขายเอง และบุคคลดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด จึงไม่ได้แบ่งค่านายหน้าให้ และ 3.บุคคลที่กล่าวอ้างว่าตนเองได้สัญญาว่าเมื่อขายที่ดิน จำนวน 26 ไร่ ที่วัดบ่อหินได้แล้วจะแบ่งเงินให้อีก 18 ล้านบาท ไม่เป็นความจริง
“จากนั้นบุคคลคนนี้ก็มาข่มขู่ทวงเงินอยู่หลายครั้ง บางครั้งก็นำอาวุธปืนเหน็บเอวเดินเข้ามาทวงเงินทำให้รู้สึกไม่สบายใจ และไม่มีความปลอดภัยในชีวิต จึงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าบุคคลดังกล่าวสร้างเรื่องเท็จเพื่อมาข่มขู่เอาเงิน และยังเรียกร้องรวมเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาทด้วย” นายธงชัย กล่าว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ทหาร คสช. อ.ศรีราชา ได้รับเรื่องไว้ และจะดำเนินการตรวจสอบนายทหารที่ถูกกล่าวอ้างว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ จากนั้นจะรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาให้รับทราบเพื่อจะได้ดำเนินการตามระเบียบ แต่หากพบว่าไม่มีตัวตนจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
