กาญจนบุรี - เจ้าหน้าที่กองปราบปรามเชิญตัวครูปรีชาขึ้นรถกลางโรงเรียน ท่ามกลางความวุ่นวายโกลาหลของทัพนักข่าวและนักเรียนเพียบ
วันนี้ (28 ก.พ.) กองทัพสื่อมวลชนทุกแขนงได้เดินทางไปปักหลักรายงานข่าวที่บริเวณหน้าบ้านพักเลขที่ 143/22 ซ.ทุ่งนา 5 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี ของนายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี กันอย่างคึกคัก
แต่นักข่าวทุกสำนักต้องรอเนื่องจากครูปรีชาต้องอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าวเช้า ก่อนไปสอนหนังสือที่โรงเรียน จนกระทั่งเวลาประมาณ 07.30 น. นายปรีชาได้แต่งกายสวมชุดสูทสีดำเดินออกมาทักทายสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวเหมือนทุกวันที่ผ่านมา จากสีหน้าของนายปรีชาพบว่าไม่แสดงอาการเคร่งเครียดให้สื่อมวลชนเห็นแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังยิ้มแย้มให้แก่สื่อมวลชนเหมือนทุกวันที่ผ่านมาเช่นกัน ก่อนผู้สื่อข่าวถามว่าบ่ายนี้จะมีการแถลงข่าวแล้วรู้สึกระทึกใจหรือไม่ ครูปรีชาตอบว่า เข้าใจการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดี เราในฐานะเป็นพลเมืองดีก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ จากนั้นได้เดินทางไปสอนหนังสือตามปกติ
ข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณก่อนเที่ยง เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้เดินทางมาพบครูปรีชาที่โรงเรียน ก่อนมีการพูดคุยกันเล็กน้อย ระหว่างนั้นเป็นช่วงเวลาหมดคาบเรียนพอดี นักเรียนจึงทยอยลงมารับประทานอาหารกลางวัน
ขณะที่ครูปรีชาได้ลงมาเพื่อที่จะรับประทานอาหารกลางวันนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้เข้ามาเชิญครูปรีชาขึ้นรถ จังหวะนั้นได้เกิดความชุลมุนวุ่นวายเพราะมีสื่อมวลชนหลากหลายสำนักกรูกันเข้ามาถ่ายภาพ สร้างความโกลาหลเป็นอย่างมากเพราะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่นักเรียนพักรับประทานอาหารกลางวัน ทั้งนี้ คาดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจะนำตัวครูปรีชาไปยังเขตอำเภอบ่อพลอย ส่วนความคืบหน้า Manager Online จะรายงานให้ทราบอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายปรีชา ใคร่ครวญ และ “เจ๊บ้าบิ่น” หรือนางรัตนาพร สุภาทิพย์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ใน 3 ข้อหา ประกอบด้วย ความผิดตาม มาตรา 172 ผู้ใดแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดีพนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 173 ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความต่อพนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกหมื่นบาท และมาตรา 174 กระทำการเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้นผู้กระทำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท