กาฬสินธุ์ - “ไอ้ชิต สายเบิร์น” ชวดประกัน เหตุหลักทรัพย์ไม่พอ ต้องนอนคุกคืนแรกสุดเครียด ยังไม่สำนึกบอกเมียให้จัดหาทนายความสู้คดี ส่วนนักศึกษาหญิงสุขภาพจิตดีขึ้น ขณะที่อาจารย์เตรียมเข้าหารือสำนักยุติธรรมจังหวัดให้ติดตามคดีเอาผิดถึงที่สุด ด้านชาวบ้านในชุมชนเรียกร้องไฟฟ้าแสงสว่างป้องกันเหตุร้ายให้นักศึกษา
กรณีตำรวจจับกุมตัว นายทิษณุ โถนารัตน์ หรือชิต สายเบิร์น อายุ 29 ปี ชาวอำเภอคำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาคดีพยามฆ่านักศึกษาชาย และข่มขืนนักศึกษาหญิง มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ซึ่งหลังจากตำรวจทำแผนประกอบคำรับสารภาพไปแล้ว ได้นำตัวไปส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดกาฬสินธุ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ขณะที่ในช่วงบ่ายตำรวจนำ นายทิษณุ ส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้ต้องหามีสภาพอิดโรย และมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด ได้แต่บ่นพึมพำอยู่ในลำคอ ทั้งนี้ มีรายงานว่า มีญาติพยามนำหลักทรัพย์มาประกันตัว แต่ไม่เพียงพอ เนื่องจากตำรวจได้ตั้งถึง 7 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย 1.พยามฆ่าผู้อื่น 2.ข่มขืนใจผู้อื่นไม่กระทำการโดยมีอาวุธ 3.พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือมีเหตุอันสมควร 4.ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรืออยู่ในภาวะที่ไม่ขัดขืน 5.ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร 6.กักขังหน่วงเหนี่ยว 7.ปล้นทรัพย์ ที่ต้องใช้หลักทรัพย์หลายแสนบาทมาประกันตัว
ทำให้เมื่อคืนนี้ “ไอ้ชิต” ต้องนอนอยู่ในคุกเป็นคืนแรก ที่เรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้คุมต้องแยกออกจากผู้ต้องขังทั่วไปเนื่องจากคนร้ายรายนี้จัดเป็นบุคคลอันตราย เพราะมีสภาพจิตใจไม่ปกติ และมีรายงานว่า ผู้ต้องหาได้บอกให้เมียให้จัดหาทนายความเพื่อต่อสู้คดี โดยจะใช้ข้ออ้างว่าตนเองมีจิตไม่ปกติ เพราะเคยไปรับการบำบัดที่โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่น
ส่วนความเคลื่อนไหวที่มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ยังคงทำการเรียนการสอนตามปกติ แต่นักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 2 ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านตนเอง แต่สุขภาพจิตเริ่มดีขึ้น ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากอาจารย์ผู้สอนคนหนึ่งว่า ในขณะนี้ทุกคนต้องสร้างกำลังใจ และเป็นไปได้จะต้องยุติเรื่องการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในส่วนของคดีเกรงว่าผู้ต้องหาจะต่อสู้คดี ก็จะไปปรึกษาหารือสำนักยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ในวันพรุ่งนี้เพื่อขอให้ช่วยติดตามคดีอีกทาง
ด้านชาวบ้านในชุมชนก็ยังคงพากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรการความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะถนนในหมู่บ้าน ตั้งแต่ทางเข้ามหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ชาวบ้านเรียกร้องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้รับผิดชอบเข้ามาจัดให้มีไฟแสงสว่างมากขึ้น พร้อมกับมาตรการความปลอดภัยในมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ด้วย