อ่างทอง - รถยนต์กระบะชนพระสงฆ์ดับคาถนนสายเอเชีย เมืองอ่างทอง ขณะออกบิณฑบาตเดินข้ามถนน หลังจากสะพานลอยถูกรถชนพังเสียหายมานานร่วมปีแต่ยังไม่มีการแก้ไข ลูกชายครวญขอให้เป็นศพแรก และศพสุดท้าย วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งก่อสร้าง ประชาชนเดือดร้อนจำนวนมาก
เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ (22 ม.ค.) ร.ต.อ.สิริชัย สีนิล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์ชนพระเสียชีวิตบริเวณสะพานลอยข้ามถนนสายเอเชีย หมู่ 5 ตำบลบ้านอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลอ่างทอง และเจ้าหน้าที่วีอาร์กู้ภัยจังหวัดอ่างทอง พบผู้เสียชีวิตเป็นพระสงฆ์โดนรถยนต์เฉี่ยวชนมีบาดแผลฉีกขาด แขนขาผิดรูป และที่บริเวณท้องมีลำไส้ไหลออกมากองที่พื้น นอนเสียชีวิตอยู่ภายในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อต่อมาคือ พระสมเดช กิจวิบูลย์ อายุ 74 ปี พระลูกวัดมธุรสติยาราม
ห่างจากศพผู้เสียชีวิตออกไปประมาณ 300 เมตร พบรถยนต์กระบะโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน 1 ฒว 1779 กรุงเทพมหานคร มีร่องรอยเฉี่ยวชนบริเวณด้านหน้าข้างขวายุบเสียหาย จอดอยู่ริมถนน พบ นายวัชรา แก้วมณี อายุ 44 ปี ผู้ขับขี่ให้การเบื้องต้นว่า ได้เดินทางกลับจากจังหวัดตาก จะกลับเข้าสู่กรุงเทพฯ แล้วขับรถมาตามทางมองเห็นเห็นคนเดินตัดหน้ากะทันหันทำให้เบรกไม่ทัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนจนเสียชีวิต
พระครูพิศาล คุณาภินันท์ เจ้าอาวาสวัดมธุรสติยาราม กล่าวว่า พระสมเดช ได้ออกรับบิณฑบาตทุกเช้ามืดทุกวัน ปกติจะออกไปกับพระลูกวัด จำนวน 2 รูป แต่วันนี้พระอีก 1 รูปนั้นเกิดป่วยจึงมีพระสมเดช ออกบิณฑบาตเพียงรูปเดียว โดยจะต้องเดินข้ามถนนสายเอเชียจากฝั่งหมู่ 5 ตำบลบ้านอิฐ ข้ามไปยังฝั่งหมู่ 4 ตำบลบ้านอิฐ ทุกวัน หลังจากสะพานลอยที่ใช้ข้ามถนนพังเสียหายจากรถเฉี่ยวชนมานานร่วม 1 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีการก่อสร้าง ทำให้ชาวบ้าน และพระได้รับความเดือดร้อนเสี่ยงภัยมานานร่วมปีแล้ว และทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนจนเสียชีวิตในที่สุด
ด้าน นายอดุลย์ กิจวิบูลย์ อายุ 43 ปี ลูกชายพระรูปดังกล่าว กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ต้องการให้พระหลวงพ่อของตนเองเป็นศพแรก และศพสุดท้ายในการเสียชีวิตจากการที่สะพานลอยคนเดินข้ามถูกรถเฉี่ยวชนพังเสียหาย และการก่อสร้างยังไม่คืบหน้ามานานร่วมปี ทำให้มีผู้เสี่ยงภัยในการข้ามถนนสายเอเชียทุกวันโดยไม่รู้ว่าจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนวันไหน
ทาง ร.ต.อ.สิริชัย ได้เร่งรวบรวมหลักฐาน และพยานในที่เกิดเหตุเพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป