ตร.เชื่อศพชาวเยอรมันดับปริศนาบนเขาพัทยา ฆ่าตัวตายเอง

ศูนย์ข่าวศรีราชา- ตร.เมืองพัทยา เชื่อศพชาวเยอรมันที่พบเสียชีวิตปริศนาบนเขาพัทยา น่าจะเกิดจากการฆ่าตัวตายเอง โดยมีพยานหลักฐานหลายอย่างสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ดี จะต้องรอผลพิสูจน์จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อยืนยันอีกครั้งก่อนดำเนินการตามกฎหมาย

จากกรณีที่มีผู้พบศพ Mr.Frank Glas Fischer อายุ 56 ปี สัญชาติเยอรมัน บนเขาพัทยา จ.ชลบุรี สภาพลำคอถูกรัดด้วยเข็มขัดหนังสีดำ ส่วนขามีแผลพุพองถลอกคล้ายถูกเพลิงไหม้ และยังพบกระเป๋าเดินทางที่ภายในมีเสื้อผ้า และกระเป๋าสตางค์หนังสีน้ำตาลโดยไม่พบทรัพย์สินอื่น บริเวณห่างจากศพประมาณ 200 เมตร นอกจากนั้น ยังตรวจพบขวดเมทิลแอลกอฮอล์ ยี่ห้อมาโก้ ที่ใช้ในงานก่อสร้างถูกเปิดใช้แล้ว จำนวน 2 ขวด พร้อมยารักษาโรคอีกจำนวนหนึ่ง ตามที่เสนอเป็นข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (6 ม.ค.) พ.ต.ท.สมพาน สุขสำราญ รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนเพื่อคลี่คลายสาเหตุการตายของนาย Frank Glas Fischer ซึ่งในเบื้องต้น จากหลักฐานต่างๆ ที่มีสอดคล้องกับพยานที่เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจหา พบว่า มีแนวโน้มเป็นการฆ่าตัวตายสูงกว่าสาเหตุอื่น

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำราวจชุดสืบสวนได้รวบรวมข้อมูลทุกด้านโดยเฉพาะคำให้การของเพื่อนสาวชาวไทยที่ผู้ตายคบหาได้ประมาณ 2 เดือน ทำให้ทราบว่า ผู้ตายมักบ่นท้อชีวิตกับหญิงสาวคนดังกล่าว เนื่องจากป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งหญิงสาวชาวไทยได้ปลอบใจ และให้กำลังใจมาโดยตลอดระยะเวลาที่คบหากัน

นอกจากนั้น ยังได้รับรายงานอีกว่า ก่อนเสียชีวิตผู้ตายได้บอกกับหญิงสาวคนดังกล่าวว่า อยากไปเที่ยวทะเลที่ภูเก็ต และหญิงสาวยังแนะนำให้ขึ้นรถทัวร์ในช่วงเย็นวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ และให้เดินทางต่อไปยัง จ.ภูเก็ต ในช่วงเช้าของวันที่ 4 ม.ค. ซึ่งหญิงสาวยังคิดว่าผู้ตายได้เดินทางไปเที่ยวภูเก็ต แต่ก็ทราบทีหลังว่าไม่ได้ไป และเสียชีวิตที่พัทยา

ส่วนบาดแผล และเข็มขัดที่รัดคอผู้ตายนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าผู้ตายน่าจะจงใจฆ่าตัวตายเอง ซึ่งต้องรอผลพิสูจน์จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ อีกครั้งจึงจะสรุปสาเหตุการตายได้ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้

เช่นเดียวกับกระเป๋าเดินทางที่มีร่องรอยการรื้อค้น เชื่อว่าผู้ตายน่าจะรื้อค้นเองก่อนเสียชีวิต และทรัพย์สินของผู้ตายเท่าที่สอบสวนทราบว่า มีเงินติดตัวเพียง 2,000 บาทเท่านั้น ซึ่งต้องรอผลพิสูจน์จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ อีกเช่นกัน ก่อนจะสรุป และรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป