พัทลุง - หนุ่มพัทลุง วัย 31 ปี วอน ตร.เร่งติดตามจับคนร้ายขโมยรถ จยย. หลังพบมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดจับภาพ 2 คนร้ายเอาไว้ได้ พร้อมได้เข้าแจ้งความต่อ ตร.โรงพักเมืองลุงแล้ว แต่เรื่องก็ยังนิ่งเงียบ
วันนี้ (15 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุง ว่า นายชยภัทร อ่อนเปี่ยม อายุ 31 ปี ที่อยู่ 60/2 ถนนคุหาสวรรค์ ต.คุหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง วอนตำรวจโรงพักเมืองพัทลุง เร่งตามจับคนร้าย 2 คน ที่ขโมยรถจักรยานยนต์ หลังจากที่ขับขี่รถจักยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟไอ สีน้ำเงินขาว หมายเลขทะเบียน ขขต 467 พัทลุง กลับจากเฝ้าบิดาที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ที่โรงพยาบาลพัทลุง และกลับมาจอดเอาไว้หน้าร้าน
ซึ่งก่อนถึงเวลาเที่ยงคืนโดยจอดไว้ประมาน 40 นาที แล้วจะเดินมาเอารถไปจอดในบ้าน แต่ได้ถูกคนร้าย 2 คน ลักษณะผอม มีหนวดเล็กน้อย มาขโมยไปในคืนวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากรถหายก็ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง แต่เวลาผ่านไปหลายวัน ยังไม่สามารถตามจับคนร้ายได้ ทั้งๆ ที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพหน้าตาคนร้ายได้อย่างชัดเจน
นายชยภัทร อ่อนเปี่ยม กล่าวว่า ทุกวันนี้เดือดร้อนมาก เนื่องจากมีรถจักรยานยนต์เพียงคันเดียว ทุกวันตอนเย็นหลังปิดร้านต้องไปเฝ้าบิดาที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายทุกวัน และเมื่อไม่มีรถก็ต้องไปด้วยรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อีกทั้งรถก็ยังติดไฟแนนซ์ ยังต้องผ่อนทุกเดือน เมื่อโทร.สอบถามร้อยเวรเจ้าของคดี เพื่อถามความคืบหน้าก็ไม่รับสาย ทำให้รู้สึกท้อ จึงอยากวอนตำรวจเร่งตามจับ และติดตามรถของตนคืนมาโดยเร็ว
นายชยภัทร ยังกล่าวอีกว่า รถจักรยานยนต์ในละแวกใกล้บ้านของตนนั้น ก่อนที่รถของตนเองจะหาย รถของเพื่อนบ้านก็หายไป 1 คันด้วย และเป็นรถรุ่นเดียวกัน แต่สีแดงขาว โดยภาพวงจรปิดจับภาพได้เช่นกัน และมีการแจ้งความไว้แต่เรื่องก็ยังเงียบเหมือนกับกรณีของตน
ในขณะที่ปัญหาการขโมยรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ จ.พัทลุง มีเป็นรายวัน บางวันหาย 5-6 คัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้แม้แต่รายเดียว โดยรถที่ถูกขโมยไปนั้นส่วนใหญ่จะนำไปแยกชิ้นส่วนขายตามร้านซ่อมรถจักยานยนต์ โดยเฉพาะเครื่องยนต์นั้นจะขายได้เครื่องละไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท เพื่อขายให้เด็กวัยรุ่นนำรถเก่ามาแต่งเป็นรถป็อป ใช้ขับเป็นคาราวานในวันหยุด โดยที่ไม่มีการตรวจตราหมายเลขทะเบียนของเจ้าหน้าที่
และชาวบ้านที่เห็นภาพวงจรปิดต่างระบุว่า ผู้ต้องหาที่กล้องจับได้นั้นเคยก่อเหตุงัดแงะขโมยทรัพย์สินภายในบ้านย่านชุมชนมาแล้วหลายครั้ง แต่เป็นลูกหลานของนายตำรวจ จึงไม่มีการจับกุม และสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านอยู่บ่อยครั้ง