xs
xsm
sm
md
lg

เชียงใหม่ปิดศูนย์เฝ้าระวังอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 61 เบื้องต้นพอใจสถิติลดลงทุกด้าน-เตรียมถอดบทเรียนป้องกันเหตุใหญ่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่นำประชุมสรุปผลงานและปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 เบื้องต้นพอใจผลการทำงานทุกภาคส่วนช่วยกันทำให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุลดลงในทุกด้าน แต่ยังมีความเป็นห่วงในเรื่องของอุบัติเหตุใหญ่และอุบัติเหตุแบบหมู่ พร้อมวางมาตรการถอดบทเรียนเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเตรียมรับมือปีหน้าต่อไป

วันนี้ (4 ม.ค. 61) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 ในระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 60-3 ม.ค. 61 โดยปีนี้จังหวัดเชียงใหม่มีจำนวนครั้งอุบัติเหตุสะสม เกิดอุบัติเหตุ 7 วันระวังอันตราย รวม 127 ครั้ง ส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจำนวน 135 คน และเสียชีวิต 10 ราย
 
สำหรับสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุพบว่าส่วนใหญ่เกิดจากการขับขี่ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายที่ไม่สวมหมวกนิรภัย, ผู้ขับขี่ดื่มสุรา, ขับรถผิดกฎจราจร, หลับใน, ตัดหน้ากระชั้นชิด, ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย, ขับรถเร็วเกินกำหนด และทัศนวิสัยไม่ดี

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินการของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 หรือช่วงเฝ้าระวัง 7 วันอันตราย ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 60-3 ม.ค. 61 พบว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งสถิติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตของจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเปรียบเทียบโดยค่าเฉลี่ยแล้วถือว่าลดลงในทุกด้าน โดยสถิติอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ในห้วงดังกล่าวมีทั้งสิ้น 127 ครั้ง ซึ่งลดลงร้อยละ 9.93 จากค่าเฉลี่ยทั้ง 3 ปี และในส่วนของผู้บาดเจ็บมีจำนวนทั้งสิ้น 135 คน ลดลงไปจากสถิติเดิมร้อยละ 6.25 และสถิติผู้เสียชีวิตมี 10 ราย ลดลงไปร้อยละ 16.67

ผลการดำเนินการนี้ถือเป็นความสำเร็จในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้มาตรการในการเฝ้าระวัง ตรวจจับ โดยจากผลการดำเนินการในครั้งนี้มีการตรวจจับผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 77,770 คัน และมีการปรับดำเนินคดีถึง 25,129 คัน ทั้งนี้ ความผิดที่พบมากที่สุดคือไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และการไม่สวมหมวกนิรภัย และนอกจากนี้ หากมาทบทวนการเกิดอุบัติเหตุจะพบว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากการขับขี่รถขณะเมาสุรา การขับรถเร็วเกินกำหนด ที่ส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์

ขณะเดียวกัน สิ่งที่จังหวัดเชียงใหม่มีความห่วงใยคือ เรื่องของการเกิดอุบัติเหตุใหญ่ หรืออุบัติเหตุหมู่ถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรกที่อำเภอฮอด ครั้งที่สองที่อำเภอฝาง และครั้งที่สามที่อำเภอพร้าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีการวิเคราะห์ อย่างเช่นกรณีการเกิดอุบัติเหตุที่อำเภอฮอดที่ผู้เดินทางมากันแบบครอบครัว ขับขี่รถโดยไม่รู้หรือไม่ชินเส้นทางเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น จึงต้องวิเคราะห์ว่าเส้นทางหลักนั้นมีป้ายเตือนเพียงพอหรือไม่ ส่วนกรณีการเกิดอุบัติเหตุของอำเภอฝางนั้นก็มีด้วยกันสองกรณี คือ ผู้เช่าได้เช่ารถที่ไม่ถูกต้อง และผู้ขับขี่ที่ทำไม่ถูกต้องเนื่องจากไม่ใช่รถสาธารณะหรือรถรับจ้าง ที่มีประสบการณ์ในการพารถพาคนเดินทางไป

ส่วนของกรณีอำเภอพร้าวนั้น เป็นเรื่องที่เกิดจากความประมาทของครอบครัว ซึ่งตรงจุดนี้จะต้องมีการมุ่งเน้นในการดำเนินการต่อไป โดยอย่างแรกคือการสร้างจิตสำนึกให้มากขึ้น โดยเฉพาะการใช้กลไกของหมู่บ้าน ของชุมชน ในการเข้าไปดูแลให้คำแนะนำเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และสามารถป้องกันได้ด้วยความไม่ประมาท โดยสวมหมวกนิรภัย และการคาดเข็มขัดนิรภัย เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ จะต้องเน้นมาตรการการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่หลายที่เกิดเหตุมีเยาวชนอายุแค่ 17 ปีเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าร้านค้าได้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ผู้เสียชีวิตในวันเกิดเหตุจริงหรือไม่ เพื่อจะใช้ดำเนินการตามคำสั่งของ คสช.ต่อไป ซึ่งในการจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่มีใบอนุญาตก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมไปถึงการควบคุมจุดเสี่ยงทั้งจุดเสี่ยงทางหลวง และทางชุมชน โดยต้องมีการดูแลควบคู่กันทั้งทางราชการ และชุมชน ในการช่วยกันลดจุดเสี่ยง โดยคาดหวังว่าการรณรงค์ที่ดำเนินการจะช่วยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมทั้งคนในจังหวัดเกิดความตระหนักและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น




กำลังโหลดความคิดเห็น