แพร่ - ผู้ผลิตเหล้าชุมชนเมืองแพร่ครวญหนัก เจอรีดภาษีสูงกว่าเหล้าโรงจนต้องทยอยปิดเตา หรือหวนกลับสู่วงจรผลิตเหล้าเถื่อนขายใต้ดินแทน
วันนี้ (7 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ในห้วงเทศกาลต่างๆ รวมถึงช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ จะเป็นช่วงเวลาทำเงินทำทองของบรรดาผู้ผลิตสุรารายเล็กรายย่อยทุกปี ทั้งเหล้าสี เหล้าขาว เหล้าแช่ เหล้ากลั่นชุมชน เบียร์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด แต่ขณะนี้ผู้ผลิตเหล้าป่า หรือเหล้าเถื่อน ในอดีตที่เคยเข้าสู่ระบบเป็น “สุรากลั่นชุมชน” กำลังถูกผลักให้กลับเข้าสู่วงจรนอกกฎหมายอีกครั้ง
ในจังหวัดแพร่ ซึ่งมีผู้ประกอบการสุรากลั่นชุมชน หรือเหล้าชุมชนจำนวนมากใน อ.สอง อ.สูงเม่น อ.วังชิ้น อ.เมืองแพร่ มีปริมาณการผลิต-ยอดการเสียภาษีสูงเป็นอันดับ 1 ของการค้าสุราพื้นบ้านในภาคเหนือ แต่ขณะนี้การผลิตเหล้าชุมชนในระบบเริ่มไม่คุ้มทุน
แม้ว่า ราคาข้าว ที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสุรากลั่นชุมชนจะตกต่ำเหลือเกวียนละ 5,000 บาท แต่ถ้านำมาผลิตสุรากลับต้องพบกับกำแพงภาษีสูงถึง 46.59 บาท/ขวด สูงกว่าเหล้าโรงของกลุ่มทุนใหญ่ที่จัดเก็บในอัตรา 45.23 บาท/ขวด ซึ่งไม่คุ้มทุน ทำให้ผู้ผลิตรายย่อยทยอยปิดตัวเองลงต่อเนื่อง บางรายก็หันไปผลิตเหล้าเถื่อนขายแทน
นายวีรพล สายเพชร ผู้ประกอบการสุรากลั่นชุมชน ในบ้านวังลึก ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ กล่าวถึงการผลิตสุราชุมชนของบ้านวังลึกว่าเป็นแหล่งผลิตสุราเก่าแก่ของจังหวัดแพร่ มีการทำสุราทั้งหมู่บ้าน แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 19 ราย เพราะทำแล้วไม่คุ้มทุน เนื่องจากต้องเสียภาษีสูงมาก ทั้งภาษีสรรพสามิต และภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ทำให้กิจการค่อยๆ ปิดตัวเองไป
ผู้ผลิตเหล้าชุมชนที่เหลืออยู่ยังคงต้องการให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ แต่ต้องการให้รัฐเข้ามามองปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะในปัจจุบันกิจการสุรากลั่นชุมชนต้องเสียภาษีสูงกว่าเหล้าโรงเสียอีก น่าจะมีการปรับแก้ให้อยู่ในลักษณะเป็นธรรมสำหรับชาวบ้านที่มีรายได้น้อย ก่อนที่จะต้องปิดตัวเองหมดอาชีพไป หรือกลับเข้าสู่วงจรผลิตเหล้าเถื่อนขายกันมากขึ้นเหมือนเดิม