บุรีรัมย์ - ตำรวจบุรีรัมย์ ร่วมตำรวจชุดสืบ สภ.สตึก นำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดติดตามรวบตัวแม่บ้านสาววัย 25 ปีได้คาบ้านพัก หลังก่อเหตุบุกเดี่ยวใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ขู่บังคับพนักงานสาวร้านสะดวกซื้อกลางดึก ชิงเงินสดกว่า 3,700 บาทหลบหนี อ้างนำไปจ่ายงวดรถที่ติดค้าง ผู้การฯ บุรีรัมย์กำชับทุกท้องที่เพิ่มมาตรการตรวจตราเข้ม ป้องกันก่อเหตุซ้ำ
วันนี้ (31 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับตำรวจชุดสืบ สภ.สตึก ได้ร่วมกันจับกุม น.ส.ญาดา ศาลางาม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210 ม.6 ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ อาชีพแม่บ้านรับจ้างทำความสะอาด พร้อมของกลางมีดปลายแหลม เสื้อยืดที่ใช้คลุมหน้า รองเท้าผ้าใบที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ และกระเป๋าสะพาย หลังได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดปลายแหลมบุกเดี่ยวเข้าไปจี้พนักงานร้านสะดวกซื้อ (เซเว่น-อีเลฟเว่น) แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ถนนสายสตึก-โนนจำปา ต.นิคม อ.สตึก เมื่อเวลา 01.00 น. (23 ต.ค.) ที่ผ่านมา ขู่บังคับเอาเงินในลิ้นชักไปกว่า 3,700 บาท ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม ขณะลงมือก่อเหตุกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ภายในร้านสะดวกซื้อดังกล่าว สามารถบันทึกภาพพฤติกรรมของคนร้ายได้อย่างชัดเจน ถึงแม้คนร้ายใช้เสื้อยืดปิดบังใบหน้าไว้แต่เจ้าหน้าที่ดูจากรูปพรรณ เสื้อผ้า และรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ในวันเกิดเหตุ เป็นหลักฐานในการสืบสวนติดตามหาเบาะแสของคนร้ายจนสามารถจับกุมได้ในที่สุด
จากนั้น พ.ต.อ.ชัยยุทธ เจียรศิริกุล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.อ.สุรชัย สังขพัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด, พ.ต.อ.ภควัต ธรรมดี ผกก.สส.ภ.จว. และ พ.ต.อ.พัฒนกุล บุญหลาย ผกก.สภ.สตึก ได้ร่วมกันสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตัวเอง โดยจากการสอบปากคำ น.ส.ญาดาให้การรับสารภาพได้ลงมือก่อเหตุใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อจริง โดยอ้างว่าต้องการนำเงินไปจ่ายค่างวดรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ ที่เพิ่งดาวน์ออกมาเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แต่หาเงินไปส่งงวดไม่ทันจึงตัดสินใจก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อเพราะต้องการนำเงินไปจ่ายงวดรถที่ติดค้างงวดละ 2,250 บาท แต่สุดท้ายไม่รอดถูกตำรวจติดตามจับกุมได้หลังก่อเหตุเพียง 1 สัปดาห์
จากนั้น พ.ต.อ.ชัยยุทธ เจียรศิริกุล ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านสะดวกซื้อที่เกิดเหตุ พร้อมพูดคุยกับพนักงานที่ถูกคนร้ายใช้มีดจี้ และผู้จัดการร้านสะดวกซื้อด้วย พร้อมขอความร่วมมือให้ทางร้านติดตั้งสัญญาณเตือนภัยที่สามารถเชื่อมสัญญาณระหว่างร้านกับสถานีตำรวจ เพราะหากเกิดเหตุคนร้ายเข้ามาปล้น จี้ ชิงทรัพย์ จะได้กดสัญญาณให้ดัง และเจ้าหน้าที่จะได้รับทราบและมาจุดเกิดเหตุในเวลาอันรวดเร็ว ในส่วนของเจ้าหน้าที่เองได้กำชับให้ทุก สภ.ในพื้นที่ดูแลรับผิดชอบ เพิ่มมาตรการตรวจตราอย่างเข้มงวดมากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นซ้ำอีก
หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ควบคุมตัว น.ส.ญาดาส่งให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเพื่อดำเนินคดีในข้อหา “ชิงทรัพย์ โดยใช้อาวุธมีดในการก่อเหตุ”