คัตเตอร์เล่มเดียวจี้เซเว่นฯ หัวหินได้เงินเกือบหมื่น ตร.ชี้พิรุธแจ้งเหตุช้า เก็บเงินสดมากเกิน ใช้อาวุธธรรมดา

ประจวบคีรีขันธ์ - คนร้ายบุกเดี่ยวใช้มีดตัตเตอร์จี้พนักงานร้านเซเว่น ปากซอยหัวหิน 5 ฉกเงินเกือบหมื่นบาทหนีลอยนวล ตำรวจพบข้อพิรุธตั้งแต่แจ้งเหตุช้า มีเงินในร้านจำนวนมาก และคนร้ายใช้อาวุธธรรมดาในการก่อเหตุ

วันนี้ (13 พ.ค.) พ.ต.อ.บุญธรรม วรรณรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เสมอ อยู่สำราญ รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหัวหิน ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรหัวหิน และสายตรวจประจำหน่วยบริการบ้านบ่อฝ้าย เข้าตรวจสอบร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาปากซอยหัวหิน 5 ริมถนนเพชรเกษม ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

หลังถูกคนร้าย จำนวน 1 ราย บุกเอามีดจี้เพื่อชิงทรัพย์ได้เงินไปเกือบ 1 หมื่นบาท จากนั้นคนร้ายได้รีบวิ่งหนีออกจากร้านเพื่อไปขับรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้หน้าร้านหลบหนีไปได้

พ.ต.ท.เสมอ เปิดเผยว่า ได้สอบถามผู้จัดการร้านพบว่า คนร้ายเป็นชาย มาเพียงคนเดียว ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ ไม่ทราบทะเบียน มาจอดที่หน้าร้าน จากนั้นได้เดินเข้ามาในร้านโดยคนร้ายสวมเสื้อคลุมสีดำ เสื้อด้านในสีเขียว สวมกางเกงขายาว และใส่หมวกแก๊ป โดยทำทีเดินวนในร้านคล้ายลูกค้าจะซื้อของ

ก่อนจะฉวยโอกาสหยิบมีดคัตเตอร์ในกระเป๋ากางเกงออกมาขู่พนักงานของร้านพร้อมกับเดินดันให้เข้าไปหลังเคาน์เตอร์ร้านแล้วพูดเบาๆ กับพนักงานว่า ให้เปิดลิ้นชักเครื่องคิดเงินออก แล้วสั่งให้พนักงานส่งเงินที่มีอยู่ทั้งหมด 9,100 บาท มาให้คนร้าย ด้วยความกลัวพนักงานจึงหยิบเงินให้ เมื่อคนร้ายได้เงินแล้วได้รีบวิ่งหนีออกจากร้านไปโดยกระโดดขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ขับหนีไปทางตัวเมืองหัวหิน

พ.ต.ท.เสมอ กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพบพิรุธว่าพนักงานร้านโทรศัพท์แจ้งเหตุกับสถานีตำรวจภูธรหัวหิน ช้าไปกว่า 30 นาที และเงินในลิ้นชักปกติจะเก็บไม่เกิน 2 พันบาทต่อเครื่อง ซึ่งเป็นกฎระเบียบของทางร้านสะดวกซื้อ แต่ครั้งนี้กลับมีเงินมากกว่านั้น และคนร้ายใช้อาวุธเพียงมีดคัตเตอร์เท่านั้น ซึ่งไม่มีความรุนแรง และไม่น่าจะเป็นอาวุธปกติสำหรับการก่อเหตุ

หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำพนักงานร้านทุกคนอย่างละเอียดอีกครั้งว่า มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ พร้อมกับให้ชุดสืบสวนเร่งหาภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งในร้านสะดวกซื้อ และกล้องวงจรปิดตามเส้นทางถนนเพชรเกษมที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี โดยคลิปวิดีโอเหตุการณ์ในร้านไม่สามารถให้ตำรวจได้ทันที ทำให้เกิดความล่าช้าเพราะต้องขออนุญาตฝ่ายกฎหมายของบริษัทก่อน โดยขณะนี้ยังได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจให้เพิ่มรอบในการตรวจร้านสะดวกซื้ออีกด้วยเพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้ำ