ชัยนาท- เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เร่งปล่อยน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มจาก 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 2,600 ลบ.ม.ต่อวินาที รองรับปริมาณน้ำจากภาคเหนือ และฝนที่จะตกหนักระหว่างวันที่ 13-15 ต.ค.นี้ ส่งผลพื้นที่น้ำท่วมนริมตลิ่งนอกคันกั้นน้ำใน อ.สรรพยา ขยายวงกว้างมาก มีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 400 หลังคาเรือน ชาวบ้านต้องเร่งเสริมคันกระสอบทรายกั้นน้ำบริเวณหน้าวัดอินทราราม จาก 3 ชั้น เป็น 6 ชั้น
วันนี้ (10 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์น้ำใน จ.ชัยนาท หลัง ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ อธิบดีกรมชลประทาน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พร้อมเปิดเผยว่า กรมชลประทานจะปรับการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มจาก 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 2,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นระยะ เนื่องจากต้องเร่งพร่องน้ำเหนือเขื่อนรองรับปริมาณน้ำจากทางภาคเหนือ และฝนที่จะตกหนักทางภาคเหนือ และภาคกลางระหว่างวันที่ 13-15 ต.ค.นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่า จะมีน้ำไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราสูงสุดประมาณ 3,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในวันที่ 15 ต.ค.
โดยปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำสะแกกรังที่ไหลมารวมกันที่ จ.ชัยนาท ในเช้าวันนี้พบว่า มีปริมาณ 2,858 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 86 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่ระดับ 16.80 เมตร (รทก)
ขณะนี้ เขื่อนเจ้าพระยา ได้เพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนจาก 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 2,188 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนที่ อ.สรรพยา สูงขึ้นจากวานนี้ 42 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 14.90 เมตร (รทก) ส่งผลทำให้น้ำที่ท่วมบ้านเรือนริมตลิ่งนอกคันกั้นน้ำใน อ.สรรพยา ขยายวงกว้างมากขึ้น และมีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 400 หลังคาเรือน
นอกจากนั้น ระดับน้ำที่ท่วมสูงขึ้นยังทำให้ชาวบ้าน ต.ตลุก ต้องเร่งเสริมคันกระสอบทรายกั้นน้ำบริเวณหน้าวัดอินทราราม จาก 3 ชั้น เป็น 6 ชั้น และต้องทำคันกระสอบทรายกั้นน้ำในจุดเสี่ยงของหมู่บ้านเพิ่มอีกหลายจุดด้วย