อ่างทอง - บริษัทเอกชนหัวใส ใช้ “โดรน” สร้างทางเลือกใหม่ในการทำเกษตรยุคไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการสาธิตวิธีการใช้โดรนพ่นยา และหว่านปุ๋ยในนาข้าวทางอากาศ เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และลดผลกระทบจากการสัมผัสสารเคมีของเกษตรกร คิดอัตราค่าบริการ 120 บาทต่อไร่ เผยสามารถพ่นยา และปุ๋ยในเนื้อที่นา 10 ไร่ โดยใช้เวลา 10 นาที
วันนี้ (2 ต.ค.) ชาวนาใน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง กว่า100 คน ได้พากันมารวมตัวที่บริเวณแปลงนาข้าวกลางทุ่งนาหมู่ 2 ต.ตลาดใหม่ อ.วิเศษชัยชาญ ซึ่งเป็นของ นายชโลม ยอดทอง ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 เจ้าของ ที่กำลังสาธิตวิธีการพ่นยา หว่านปุ๋ยในแปลงนาข้าวทางอากาศ โดยใช้โดรนเป็นอุปกรณ์สำคัญ
นายชโลม เผยว่า โดยปกติแล้วการฉีดยาหว่านปุ๋ยในแปลงนาข้าวจะใช้คนซึ่งมีค่าจ้างต่อหัวอยู่ที่ราคาไร่ละ 50 บาท แต่เมื่อมีบริษัทดังนำเครื่องมือไฮเทค ซึ่งก็คือ “โดรน” เข้ามาทำการสาธิตพ่นยา และหว่านปุ๋ยในแปลงนา โดยมีต้นทุนอยู่ที่ราคาไร่ละ 120 บาท ก็พบว่าประสิทธิภาพดีกว่าการใช้แรงงานคน ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีการใช้โดรนเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือทางการเกษตรอย่างแน่นอน
ด้าน นายพันธ์เลิศ ศรีอุไร เจ้าหน้าที่บริษัท สเตเวีย เทคนิว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การสาธิตฉีดปุ๋ย และยาฆ่าแมลงโดยใช้โดรนเพื่อการเกษตร ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการใช้เครื่องมือแบบใหม่ที่มีความสะดวก รวดเร็ว และไวต่อการพ่นยา ซึ่งเนื้อที่นา 10 ไร่ จะใช้เวลาประมาณ 10นาที ผลดีคือ จะไม่มีการเหยียบย่ำต้นข้าวจนเกิดความเสียหาย และลดอันตรายจากการฟุ้งกระจายของสารเคมีที่มีผลต่อผู้พ่นยา
โดยโดรนที่บริษัทนำมาใช้ในการรับจ้างทำการเกษตร คิดอัตราค่าบริการเพียง 120 บาทต่อไร่ ซึ่งชาวนาจะใช้ยา และปุ๋ยของตนเองได้ตามสะดวก แนวคิดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำเกษตรของไทย เพื่อนำพาเกษตรกรก้าวสู่ยุคเกษตรกร 4.0 ต่อไป