ฉะเชิงเทรา - ตำรวจฉิมพลีหิ้วตัวหนุ่มลักษณะคล้ายกันกับคนร้ายที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงเงินเคาน์เตอร์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาด 16 สอบ ขณะพยานยันไม่ใช่ ก่อนปล่อยตัวกลับไป ด้าน ผบช.ภ.2 ลงพื้นที่เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีเพื่อควานหาคนร้ายตัวจริงมาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (30 ก.ย.) เวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่สืบสวนชุดคลี่คลายคดี กรณีคนร้ายเป็นชายรูปร่างสูงใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปจี้ชิงเงินจากหน้าเคาน์เตอร์ของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาด 16 ตั้งอยู่เลขที่ 18/51 ม.18 ถ.เทศบาล 1 ต.ดอนฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 5 เคาน์เตอร์ และได้เงินไปจำนวน 7.8 แสนบาท ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไปเมื่อช่วงบ่ายวานนี้นั้น ได้เชิญตัวชายหนุ่ม อายุประมาณ 30 ปีเศษ รายหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะรูปพรรณละม้ายคล้ายกันกับคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุมาสอบปากคำยังที่สถานีตำรวจภูธรฉิมพลี
จากนั้นจึงได้ให้ชายคนดังกล่าวทดลองสวมใส่ชุด ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับที่คนร้ายใช้สวมใส่เข้ามาก่อเหตุ คือ สวมแว่นตาแบบใส สวมแมส หรือหน้ากากกันฝุ่น (ผ้าปิดจมูก) สวมหมวกกันน็อกสีดำ และเสื้อคลุมสีดำ กางเกงยีนส์สีน้ำเงินอ่อน ซึ่งปรากฏว่า หลังจากผู้ต้องสงสัยสวมใส่ชุดดังกล่าวแล้วกลับมีลักษณะที่ค่อนข้างเหมือนกันกับคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุเมื่อวานนี้เป็นอย่างมาก แต่ทางพยานที่พบเห็นเหตุการณ์ที่เข้ามาดูตัวหลายคนกลับยืนยันว่าไม่ใช่คนร้ายตัวจริง เนื่องจากผู้ต้องสงสัยมีลักษณะร่างกายเล็กกว่าคนร้ายมาก
ก่อนที่ พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งเดินทางมาถึงยังสถานีตำรวจภูธรฉิมพลีพอดี จึงได้เรียกให้นำตัวผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวเข้าไปพูดคุยด้วยเป็นเวลานานกว่า 30 นาทีเศษ และดูภาพคนร้ายที่ได้มาจากกล้องวงจรปิดผ่านทางโทรศัพท์มือถือเพื่อเปรียบเทียบกับลักษณะของผู้ต้องสงสัยรายนี้ โดยมี พล.ต.ต.เชษฐา โกมลวรรธนะ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยด้วย ก่อนที่จะตรวจสอบทำบันทึกประวัติและปล่อยตัวกลับไป
จากนั้น พล.ต.ท.จิตติจึงได้เรียกประชุมนายตำรวจผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และทีมฝ่ายสืบสวนที่เดินทางมาร่วมกันทำงานคลี่คลายคดีภายในห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) บนชั้น 2 สถานีตำรวจภูธรฉิมพลี ต่อไป โดยที่ไม่ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปฟังภายในห้องประชุมด้วย
หลังจากประชุมเสร็จ พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมสอบปากคำพยานเอาไว้แล้วรวม 8 ปาก และเรียกดูข้อมูลของบุคคลที่เข้ามาทำธุรกรรมในธนาคารแห่งนี้ย้อนหลังไปเป็นเวลา 7 วัน ว่ามีใครเข้ามาทำอะไรบ้างภายในธนาคารแห่งนี้ เพื่อหาตัวผู้ต้องสงสัยที่อาจมีส่วนรู้เห็น หรือเข้ามาดูลาดเลาก่อนลงมือก่อเหตุ
ขณะเดียวกันได้นำประวัติของบุคคลต้องสงสัย และผู้ที่เคยมีประวัติทางอาชญากรรมในพื้นที่มาทำการตรวจสอบ ตลอดจนให้ตรวจสอบประวัติของบุคคลพ้นโทษในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงที่เคยมีประวัติเกี่ยวกับคดีในลักษณะนี้มาก่อนด้วย ส่วนการตรวจสอบภาพจากกล้อง CCTV ในพื้นที่ และบริเวณใกล้เคียงนั้น ได้แบ่งให้แต่ละทีมไปทำงานเก็บภาพมาแล้ว
สำหรับผู้ต้องสงสัยที่นำตัวมาในวันนี้นั้น เมื่อได้ให้พยานที่เห็นเหตุการณ์ดูตัวแล้วพยานต่างพากันยืนยันว่าไม่ใช่คนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ
ซึ่งกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เป็นเป้าหมายต่อไปนั้น ตำรวจยังเชื่อว่าน่าจะเป็นบุคคลในพื้นที่ หรือบุคคลในพื้นที่ใกล้เคียง จะต้องไล่ติดตามตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดในขณะนี้สามารถติดตามเก็บมาได้มากพอสมควรแล้ว จนทำให้ทราบว่าคนร้ายเดินทางมาจากทางไหนก่อนเกิดเหตุ และใช้เส้นทางไหนในการหลบหนีหลังก่อเหตุ และได้ลักษณะรูปพรรณของคนร้าย ตลอดจนลักษณะของรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ขี่มาก่อเหตุที่ชัดเจนแล้ว คาดว่าคดีนี้น่าจะคลี่คลายได้ไม่ยาก