อุบลราชธานี - อดีตครูสอนภาษาอังกฤษโรงเรียนลือคำหาญ วัย 67 ปี ชาวอุบลฯ ร่วมกับเพื่อนและลูกศิษย์บันทึกเสียงการแสดงหมอลำศิลปะพื้นบ้านเป็นภาษาอังกฤษ หวังเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยและชาวโลก ให้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความอาลัยถวายแด่พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย
นางวาสนา แท่งทอง ผู้ประพันธ์กลอนหมอลำเป็นภาษาอังกฤษครั้งนี้เล่าว่า ในวันที่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ตนนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะรู้สึกสูญเสียพระผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวงของปวงชนชาวไทย จึงได้นั่งสมาธิ เดินจงกรมแผ่เมตตาเป็นเวลา 7 วัน
หลังจากนั้นได้เริ่มเขียนบทประพันธ์เป็นกลอนหมอลำเล่าเรื่องราวตลอดรัชสมัยที่พระองค์ทรงมีพระเมตตาปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อคนไทยและชาวโลกเป็นภาษาอังกฤษเป็นระยะ หวังใช้กลอนหมอลำที่ได้รับสืบทอดมาจากบิดาสื่อถึงชาวต่างชาติ เพื่อให้เข้าใจเรื่องราวทำไมคนไทยถึงรักพระองค์ท่านอย่างหาที่สุดมิได้
กระทั่งเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้แต่งกลอนลำขึ้นชุดสุดท้าย โดยเป็นกลอนลำทางยาวเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นกลอนลำทำนองเศร้า และเป็นกลอนลำที่ร้องยากกว่าปกติ ศิลปินผู้ร้องต้องมีสมาธิไปกับเนื้อหาที่นำมาร้อง ไม่เหมือนกลอนลำเต้ยทั่วไป เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และต่อพระองค์ท่าน จึงได้พยายามเขียน และใช้เวลาเขียนนานร่วม 1 เดือน
เพราะปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่แต่คนไทยเท่านั้นที่นำมาปฏิบัติแล้วได้ประโยชน์ ขณะนี้กว่า 30 ประเทศทั่วโลกได้ยึดนำไปปฏิบัติ ทำให้ความยากจนไม่ใช่อุปสรรค และแนวคิดนี้ไปตรงกับทฤษฎีของชาวต่างชาติด้วยที่ "เงินไม่ใช่ทุกสิ่งของชีวิต" แต่ความพอเพียงต่างหากที่ทำให้ทุกชีวิตบนโลกนี้ดำเนินไปได้ ซึ่งหากชาวต่างชาติฟังกลอนลำชุดนี้จบก็จะเข้าใจจิตสำนึกของคนไทยที่มีต่อพระองค์ท่านเป็นอย่างดี
“เพราะมรดกที่พระองค์ทิ้งไว้ให้คนไทยและคนในโลก นอกจากแนวคิดอยู่อย่างพอเพียงแล้ว ยังให้ป่าไม้ แหล่งน้ำ และดินที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งมีค่ามากๆ สำหรับคนในโลกนี้”
นางวาสนาเล่าต่อว่า เหตุที่ได้เขียนบทประพันธ์เพลงหมอลำและร้องได้เป็นอย่างดี เพราะขณะที่เป็นครูสอนภาษามากว่า 30 ปีได้แต่งกลอนหมอลำเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษผสมผสานกัน เพื่อใช้สอนนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศต่างๆ ให้เข้าใจวัฒนธรรมการร้องลำของคนอีสาน และการเรียนด้วยการใช้การร้อง
ช่วยทำให้เด็กสนุกสนานและเข้าใจภาษาได้อย่างลึกซึ้งกว่าการสอนปกติ จึงได้ยึดถือทำมาจนวันขอเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดเมื่อปี 2547 ซึ่งขณะนั้นป่วยหนัก
แต่เมื่อออกมารักษาตัวจนหายเป็นปกติก็ยังรับเป็นครูสอนพิเศษให้กับโรงเรียนมัธยมและชมรมผู้สูงอายุในจังหวัด เพื่อเผยแพร่กลอนหมอลำเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งมีลูกศิษย์ที่ผ่านการสอนนำศิลปะแขนงนี้ไปใช้ประกอบอาชีพแสดงตามจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำบทกลอนหมอลำชุดนี้ออกมาน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน และเพื่อน้อมรำลึกที่พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย
ด้านนางปัญญัชลิตา ศรีวรรณ หรือคุณตู่ เจ้าของสถานเสริมความงามแฮร์ดีไซน์ ลูกศิษย์คนแรกที่นำกลอนลำภาษาอังกฤษเข้าร่วมแสดงในงานวันภาษาไทยเมื่อครั้งยังเป็นลูกศิษย์เรียนกับอาจารย์วาสนาที่โรงเรียนลือคำหาญ อ.วารินชำราบ เมื่อกว่า 30 ปีก่อนเล่าว่า ปกติตนเองเป็นคนชอบร้องรำมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสืออยู่กับอาจารย์ และอาจารย์ได้แต่งกลอนรำเป็นภาษาไทยผสมภาษาอังกฤษให้นำไปแสดง ซึ่งก็ทำได้ดี
หลังเรียนจบและเข้าทำงานก็ได้แต่งกลอนร้องหมอลำออกมาบันทึกเสียงไว้จำนวน 2 ชุด การทำครั้งนั้นก็เพราะต้องการตอบโจทย์ให้กับตัวเอง กระทั่งอาจารย์มาบอกต้องการทำกลอนหมอลำเป็นภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ก็ได้เข้าไปช่วยเหลือในทุกทาง เพื่อแสดงความจงรักภักดีและร่วมแสดงความอาลัยถวายแด่พระองค์ท่านด้วย