ระยอง - ชาวบ้านแลง จ. ระยอง เฮลั่น มท.1 สั่ง ผวจ.ระยอง พิจารณาเพิกถอน “ไออาร์พีซี ” ใช้ที่สาธารณะ พร้อมหารือชาวบ้านเย็นนี้ อาจมีการฟ้องร้องหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่
นางพยุง มีสบาย ชาวบ้าน ต.บ้านแลง จ.ระยอง เผยว่า หลังจากทราบข่าวว่า เมื่อเช้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงเรื่อง การคัดค้านการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่บ้านแลง จ.ระยอง หลังจากที่พวกเราได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับพวก โดยสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พิจารณาเพิกถอกการให้ “ไออาร์พีซี” ใช้ที่สาธารณะ เพื่อทำการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงว่า ทำไมจึงมีการเสนอเรื่องดังกล่าวขึ้นมา ทั้งที่ประชาชนในพื้นที่ได้ออกมาคัดค้าน
“พวกเรารู้สึกดีใจที่มีคำสั่งนี้ออกมา เพราะที่ผ่านมา พวกเราได้มีการคัดค้านเรื่องนี้มาโดยตลอดเพราะว่าการกระทำที่ไม่ถูกต้องที่เจ้าที่ของรัฐไม่ปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของหลวง แต่กลับเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุนมาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์ร่วมกันอยู่”
นางพยุง กล่าวต่ออีกว่า ในเย็นวันนี้จะมีการหารือกับกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่อกระบวนการผลิตของกลุ่มบริษัท “ไออาร์พีซี” ซึ่งอาจจะทำการฟ้องร้องทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินดังกล่าว ฐานละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ ในข้อเท็จจริงแล้วพวกเราไม่ได้จะต่อต้าน “ไออาร์พีซี” เพราะเข้าใจว่าระยองในปัจจุบันเป็นเมืองอุตสาหกรรมไปแล้ว
แต่ในเมื่อโรงงานมาทีหลัง เราในฐานะเจ้าของบ้านก็สามารถที่จะป้องปกบ้านของเรา การที่โรงงานจะเช่าจะต้องปฏิบัติตนที่ตรงไปตรงมา ไม่ทำให้เพื่อนบ้านเดือนร้อน การที่ชาวบ้านออกมาคัดค้านเพื่อให้ชาวบ้าน และโรงงานอุตสาหกรรมสามารถร่วมกันได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของจังหวัดระยอง ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ถึง นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เพื่อสอบถามถึงเรื่องดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้สามารถติดต่อได้ โดยได้รับแจ้งว่าติดประชุม
อนึ่ง บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ตำบลเชิงเนิน อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ซึ่งได้กระทำการรุกล้ำ เปลี่ยนสภาพที่ดินทางเดินสาธารณะ และลำรางสาธารณะ และห้วยหนองคลองบึงสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในพื้นที่ตำบลบ้านแลง ตำบลเชิงเนิน อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ไปจนหมดสิ้นรวมเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการไหลของน้ำ น้ำไหลไม่สะดวกในฤดูแล้ง น้ำท่วมในฤดูฝน และประชาชนไม่อาจใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ในบริเวณดังกล่าว
โดยที่ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2543 ข้อ 22 (2) ที่กำหนดไว้ชัดเจน ชาวบ้านจึงได้ทำการคัดค้าน
