เชียงราย - เกิดอุบัติเหตุคนงานไซโลข้าวโพดใหญ่ชายแดนเชียงแสนตกบ่อดักน้ำดับอนาถอยู่ก้นบ่อ 3 ศพ เบื้องต้นคาดสูดดมสารเคมีเข้าไปจนหมดสติและเสียชีวิตในที่สุด เถ้าแก่เผยทำงานด้วยกันมาเป็น 10 ปี ผูกพันกันมาก พร้อมช่วยเหลือครอบครัวเต็มที่
วันนี้ (20 ก.ย.) ร.ต.อ.ประสงค์ สมพรเสริฐ ร้อยเวร สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนตกลงในบ่อน้ำภายในโรงอบข้าวโพด หรือไซโล เลขที่ 199 บ้านป่าสักน้อย ม.3 ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน เมื่อเวลา 15.00 น.เศษที่ผ่านมา จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.เรวัตร ยืนธรรม ผกก.สภ.เชียงแสน และแพทย์เวรโรงพยาบาลเชียงแสน รวมทั้งหน่วยกู้ภัยรุดไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบเป็นไซโลอบข้าวโพดที่เปิดกิจการอยู่ ส่วนจุดเกิดเหตุเป็นบ่อดักน้ำภายในอาคารไซโล ซึ่งมีฝาโลหะเปิด-ปิดอยู่ด้านบนยาว 4 เมตร กว้าง 3 เมตร ลึกประมาณ 3 เมตร มีน้ำลึกประมาณ 10 ซม. และพบศพนอนจมกองทับกันอยู่ใต้บ่อดักน้ำดังกล่าว ท่ามกลางความตื่นตกใจของคนงานภายในไซโลที่พากันมุงดู
ตรวจสอบพบว่าผู้ที่ตกลงไปเสียชีวิตในบ่อดักน้ำ คือ นายเล็ก ทรายทอง อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.5 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน, นายซู่ แสงแก้ว อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/ซ ม.6 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย และนายทรายก่ำ ไทยใหญ่ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 199 ม.3 ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
เจ้าหน้าที่จึงให้หน่วยกู้ภัยสยามรวมใจ และหน่วยกู้ชีพเวียงผาเงาเชียงแสนช่วยกันนำร่างทั้ง 3 ขึ้นมาจากบ่อ ซึ่งพบว่าทั้งหมดได้เสียชีวิตแล้ว ตรวจตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าทั้งหมดเป็นคนงานในไซโล ที่มีนายสง่า พรมเมือง อายุ 38 ปี เป็นเจ้าของ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยทำหน้าที่ด้านต่างๆ ภายในไซโลเป็นประจำทุกวัน หนึ่งในหน้าที่ที่ต้องทำคือ ลงไปในบ่อดักน้ำดังกล่าวเพื่อทำความสะอาด และอื่นๆ ตามกระบวนการอบข้าวโพด โดยไม่เคยเกิดปัญหามาก่อน
กระทั่งก่อนเกิดเหตุคนงานหลายคนเข้าทำงานตามปกติ แต่หลังจากผ่านไปได้ระยะหนึ่งก็ไม่มีใครพบเห็นทั้ง 3 คนอีกเลย จนมาพบว่าทั้ง 3 ได้นอนนิ่งเสียชีวิตอยู่ก้นบ่อดักน้ำแล้ว
เบื้องต้นคาดว่าทั้ง 3 เสียชีวิตเพราะสูดดมสารเคมีเข้าไปพร้อมๆ กันขณะที่ลงไปทำงานที่ใต้บ่อ จึงทำให้หมดสติและเสียชีวิตในที่สุดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำศพส่งตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
ด้านนายสง่า เจ้าของไซโลที่เกิดเหตุ ระบุว่า มีความผูกพันกับคนงานกลุ่มนี้มาก และรู้สึกเสียใจ พร้อมจะให้การช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ต่อไป
