นครพนม - ชาวนครพนมทุกสาขาอาชีพทั้ง 12 อำเภอผนึกพลังทุ่มแรงใจแรงกายประดิษฐ์เรือไฟ แสดงความอาลัยถวายในหลวง ร.๙ บูชาน้ำโขงวันออกพรรษา ปีนี้เน้นลวดลายพระราชกรณียกิจ รำลึกในหลวงเคยเสด็จฯ ทอดพระเนตรเรือไฟเมื่อ 12 พ.ย. 2498
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ก.ย.) ที่ จ.นครพนม ตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมือง เลียบถนนสุนทรวิจิตร ได้มีตัวแทนชาวบ้าน บรรดาศิลปินเรือไฟจากทั้ง 12 อำเภอ ต่างพากันร่วมแรงร่วมใจนำอุปกรณ์ไม้ไผ่ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่ต่อเติมสร้างเรือไฟมาดำเนินการประดิษฐ์เรือไฟ เริ่มตั้งแต่การวางแผนทำฐานโครงสร้าง ลักษณะคล้ายแพ มีทุ่นลอยน้ำ
ก่อนที่จะต่อเติมโครงสร้างด้วยไม้ไผ่ออกมาเป็นเรือไฟขนาดใหญ่เหมือนทุกปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ ที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ก.ย.-6 ต.ค. 60 รวม 9 วัน 9 คืน ซึ่งทุกคืนจะมีการไหลเรือไฟโชว์คืนละ 1 ลำ เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมงานสืบประเพณีอันเก่าแก่
สำหรับวันไฮไลต์ของงานคือ คืนวันที่ 5 ต.ค.นั้น เป็นคืนวันออกพรรษา 15 ค่ำ เดือน 11 จะมีการประกวดไหลเรือไฟที่สวยงามอลังการมากกว่า 13 ลำ มีขนาดความยาว ตั้งแต่ 30 เมตร ถึง 90 เมตร สูงตั้งแต่ 20-50 เมตร ประดับตกแต่งตะเกียงไฟมากกว่า 30,000-50,000 ดวง มีตัวแทนชาวบ้านจากอำเภอต่างๆ ได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดสร้างเรือไฟขึ้นโดยไม่มีค่าจ้างแรงงาน เน้นความร่วมมือร่วมใจ รวมถึงการอนุรักษ์สืบสานประเพณีท้องถิ่นเป็นหลัก
ขณะที่ “เรือไฟ” ในปีนี้การออกแบบจะเน้นลวดลายที่แสดงถึงความสำคัญเกี่ยวกับ พระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่ได้ทรงงานเพื่อพสกนิกรชาวไทยตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ผ่านมา รวมถึงเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวง รัชกาลที่ ๑๐ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย
อีกทั้งเป็นการน้อมใจแสดงความอาลัย รวมถึงถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ ๙ หลังงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้ร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดี ไปจนถึงเป็นการถวายเป็นพุทธบูชาต่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อพญานาค ที่ดูแลปกปักรักษาแม่น้ำโขง ที่สำคัญยังได้ร่วมกันรำลึกถึงประวัติศาสตร์ครั้งเมื่อ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ ๙ พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ เคยเสด็จฯ มาประทับแรม และทอดพระเนตรไหลเรือไฟ จ.นครพนม ครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2498 นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกร สร้างความปราบปลื้มแก่ชาวนครพนมมาถึงปัจจุบัน
นายพิมะ แสงมณี นายก อบต.นาคู่ อ.นาแก จ.นครพนม เปิดเผยว่า ชาวตำบลนาคู่ถือเป็นตัวแทนชาว อ.นาแก 1 ใน 12 อำเภอที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดสร้างเรือไฟร่วมไหลในคืนออกพรรษา โดยเรือไฟที่สร้างขึ้นไม่ได้เน้นในเรื่องของค่าจ้างรางวัล หรือมุ่งในเรื่องการประกวดเพื่อหวังรางวัล แต่หัวใจสำคัญการทำเรือไฟ คือ ต้นกำเนิดเรือไฟจะต้องมาจากการร่วมแรงร่วมใจ ความสามัคคีของชาวบ้าน ชุมชนหมู่บ้าน รวมถึงการคงไว้ซึ่งประเพณีความเชื่อ และวัฒนธรรมอันดีงาม
โดยการทำเรือไฟทุกคนที่มาทำงานจะต้องยอมสละเวลานานเกือบ 2 เดือน มาช่วยเหลือร่วมกันประดิษฐ์ ต่อเติม สร้างเรือไฟจนแล้วเสร็จ ไปจนถึงวัสดุอุปกรณ์จะใช้งบประมาณทางภาครัฐบางส่วน นอกนั้นมาจากการบริจาค ความศรัทธา นำอุปกรณ์มาช่วยเหลือ รวมถึงเสบียงอาหาร เหล่าศิลปินเรือไฟจะมีการประกอบอาหารร่วมกัน
ส่วนการจัดสร้างเรือไฟ จะเริ่มตั้งแต่การช่วยกันตัดไม้ไผ่มาเป็นโครงสร้าง ก่อนนำไปต่อเติมสร้างเป็นเรือไฟขนาดใหญ่ที่ทำด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน พัฒนามาจากอดีตถึงปัจจุบัน เริ่มจากเรือไฟโบราณ จากต้นกล้วย ไม้ไผ่ กลายเป็นเรือไฟขนาดใหญ่ที่สวยงามอลังการ
นายพิมะกล่าวอีกว่า สำหรับปีนี้ความภาคภูมิใจสูงสุดของชาวนครพนม รวมถึงชาว อบต.นาคู่ ที่ได้มีการร่วมแรงร่วมใจกันจัดสร้างเรือไฟขึ้นพิเศษกว่าทุกปี คือ ในส่วนของลวดลายที่ทำจากเหล็กเส้นที่นำมาดัดเป็นลวดลาย เชื่อมวางตามแบบ และวางตำแหน่งแขวนตะเกียงที่ลงตัว เพื่อให้แสงสว่างออกมาสวยงามตามแบบที่วางไว้
โดยในปีนี้ได้เน้นในเรื่องของพระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่ได้ทรงงานเพื่อพสกนิกรชาวไทย ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ผ่านมา รวมถึงเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวง ชกาลที่ ๑๐ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย
“นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมเรือไฟขนาดใหญ่ ที่เน้นลวดลายเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่จะได้ร่วมกันน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย รวมถึงเป็นการแสดงความอาลัยถวายแด่พระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย” นายพิมะกล่าว และว่า
ในปีนี้ อ.นาแกจัดสร้างเรือไฟ ความยาวประมาณ 30 เมตร สูงประมาณ 20 เมตร ประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟโบราณกว่า 30,000 ดวง แสดงออกถึงความจงรักภักดี และเป็นการสืบสานประเพณีที่ยิ่งใหญ่อลังการ แต่สำคัญคือการร่วมแรงร่วมใจสมัครสมานสามัคคี จึงขอเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยว ร่วมไหลเรือไฟแสดงอาลัยถวายแด่ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในคืนวันออกพรรษาพร้อมกันที่นครพนม