ลำปาง - หนุ่มลำพูนโร่ร้องศูนย์ดำรงธรรมลำปาง ล่าสาวแสบแต่งตัวเป็นทหารยศ “ร้อยตรี” ตีสนิทผ่านเฟซบุ๊ก ก่อนเชิดรถหนี พบประวัติฉาวเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลให้พ้องกับคนใหญ่คนโตมาแล้วหลายรอบ หลอกยืมเงิน-เชิดรถคนหลายจังหวัดทั้งภาคเหนือ-ภาคกลาง มีคดีติดตัวเพียบ
วันนี้ (12 ก.ย.) นายนเรศ พิชิตกิตติกร อายุ 48 ปี ชาว อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง เพื่อให้ช่วยติดตามรถยนต์ของตนเองที่ถูกหญิงสาวชาวลำปางขโมยไป โดยมีนางศุกลรัตน์ จันทร์มณี ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมฯ, พ.ท.อำนาจ สูงศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการศูนย์ดำรงธรรมฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง-ตำรวจประจำศูนย์ฯ รับเรื่องและประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง
นายนเรศเล่าว่า ราว 5 เดือนก่อนได้รู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่งผ่านทางเฟซบุ๊กซึ่งอ้างตัวเป็นนายทหารยศร้อยตรี สังกัดมณฑลทหารบกที่ 32 ชื่อว่า น.ส.ธนธรณ์ อัศวเหมมินทร์ และทราบภายหลังว่า ก่อนหน้านั้นเคยใช้ชื่อว่านางสาวดวงกมล วะนะวิเชียร แล้วเปลี่ยนมาเป็น น.ส.ดวงกมล อภิรักษ์โยธนันท์ และ น.ส.อันดา อภิรักษ์โยธนันท์ และล่าสุดได้เปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุลเป็น น.ส.ธนธรณ์ดังกล่าว
หลังจากที่รู้จักมักคุ้นกันตนจึงเชื่อใจให้หญิงสาวช่วยขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีเทา หมายเลขทะเบียน ขษ 6217 เชียงใหม่ ไปส่งให้น้องสาวของตนที่เชียงราย แต่สุดท้ายก็รอแล้วรอเล่านานกว่า 6 ชั่วโมงก็ยังไม่เห็นนำรถไปให้น้องสาว เมื่อตนโทรศัพท์สอบถามก็บ่ายเบี่ยงว่ากำลังเดินทาง
จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานกว่า 2 อาทิตย์ ตนพร้อมเพื่อนพยายามติดตามรถแต่ก็ไม่เจอ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย และเดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง เพื่อช่วยติดตามรถอีกทางหนึ่ง เนื่องจากทราบจากตำรวจที่ไปแจ้งความว่า น.ส.ธนธรณ์ อัศวเหมมินทร์ มีคดีฉ้อโกงหลายคดี อยู่ระหว่างการประกันตัวในชั้นศาล
หลังรับทราบข้อมูล ฝ่ายทหารพยายามหาข่าวและสืบหาข้อมูลจนทราบว่า น.ส.ธนธรณ์ ได้นำรถไปจำนำไว้กับนางอ้อย พนักงานของบริษัทบัญชีแห่งหนึ่งในลำปาง เจ้าหน้าที่จึงติดต่อให้นางอ้อยนำรถคืนมา โดยนัดมอบรถคืนที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใกล้ศูนย์ราชการลำปาง และเตรียมซ้อนแผนจับกุม
แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายนางอ้อยกลับนำรถมาจอดไว้ที่บริเวณศูนย์ราชการจังหวัดลำปาง และโทรศัพท์บอกเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่จึงร่วมกับนายนเรศ เจ้าของรถตรวจสอบของในรถ และสิ่งผิดกฎหมายซึ่งอาจจะมีการนำมาซุกซ่อนไว้ เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ารถอยู่ในสภาพเรียบร้อย ก็ได้ส่งมอบรถคืนให้ผู้เสียหายไป
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ขอฝากเตือนประชาชนว่าอย่าได้หลงเชื่อบุคคลดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาจะมีพฤติกรรมในลักษณะเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลที่พ้องเสียงกับนามสกุลของผู้หลักผู้ใหญ่ หรือผู้ที่มีหน้าตาในสังคม จากนั้นจะอ้างกับเหยื่อว่าเป็นลูกหลานของผู้ใหญ่ท่านนั้นๆ เพื่อง่ายต่อการต้มตุ๋นเหยื่อหรือผู้เสียหาย ทั้งหลอกฝากงาน เรียกรับเงิน ยืมเงิน เชิดรถ ที่ผ่านมามีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อ ทั้งในพื้นที่ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย และพื้นที่ภาคกลางอีกหลายจังหวัด ไม่ต่ำกว่า 10 ราย ดังนั้นหากมีการแอบอ้างขอให้ตรวจสอบให้ดีก่อน เนื่องจากบุคคลคนนี้ไม่ได้เป็นทหาร และยังอยู่ระหว่างประกันตัว ดังนั้นหากไปก่อเหตุที่ไหนก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที