ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- หวังเป็นอุทาหรณ์เตือนสังคม สัตวแพทย์ รพ.สัตว์โคราช แฉพฤติกรรมอำมหิต นศ.แพทย์ป้อนยาฆ่าสุนัขตัวเองเพื่อเอาเงินประกันจากบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง 50,000 บาท เผยผลผ่าพิสูจน์พบยาลดความดันอัดเต็มกระเพาะกว่า 10 เม็ด สุดแสบถูกจับได้ไม่ยอมรับ ตะแบงต่อเรียกค่าเสียหายจาก รพ.สัตว์ต้นทางที่กรุงเทพฯ ซ้ำวางแผนมาอย่างดีอัปราคาสุนัข 6,000 บาท เป็น 50,000 บาท ผงะพบทำมาแล้วหลายครั้ง
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Jakkarin Ringngoen ได้โพสต์เรื่องราวในโลกโซเชียล เกี่ยวกับพฤติกรรมของเจ้าของสุนัขรายหนึ่ง ซึ่งต่อมา ทราบว่าเป็นนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้ทำการว่าจ้างรถบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง ให้นำสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน เดินทางมาส่งให้แก่ตนเอง แต่ระหว่างทางสุนัขเกิดตายทำให้เจ้าของสุนัขเรียกร้องเงินค่าประกันกับทางบริษัทขนส่ง และได้นำสุนัขที่ตายไปตรวจหาสาเหตุที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.นครราชสีมา แต่เมื่อสัตวแพทย์ได้สอบถามข้อมูล และผ่าพิสูจน์ซากสุนัขกลับพบว่า มีเม็ดยาอยู่ภายในกระเพาะของสุนัขเป็นจำนวนกว่า 10 เม็ด ซึ่งคาดว่าสุนัขน่าจะถูกวางยาโดยเจ้าของสุนัขเพื่อเรียกค่าประกันกับบริษัทขนส่ง จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลอยู่ขณะนี้
ล่าสุด วันนี้ (8 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์เพ็ท ถนนทางหลวงหมายเลข 304 สายราชสีมา-กบินทร์บุรี ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่ได้ผ่าพิสูจน์การตายของสุนัขตัวดังกล่าว โดยพบกับ สัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ สุตธรรม เจ้าของโรงพยาบาลสัตว์ดังกล่าว และเป็นผู้ทำการผ่าพิสูจน์สุนัข
สัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีลูกค้ารายหนึ่งโทรศัพท์เข้ามานัดว่า จะพาสุนัขมารักษา หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที ลูกค้าก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลสัตว์ พร้อมกับหิ้วประเป๋าที่มีสุนัขมาให้ตรวจดู แต่เมื่อตนเปิดดูพบว่า สุนัขได้ตายแล้ว จึงได้แจ้งให้เจ้าของสุนัขทราบว่า สุนัขตายแล้วก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล จากนั้นเจ้าของสุนัขไปพูดคุยกับคนขับรถบริษัทขนส่งเพื่อให้รับผิดชอบต่อการตายของสุนัขในครั้งนี้ ซึ่งคนขับรถยืนยันว่า ก่อนหน้านั้นสุนัขยังแข็งแรง วิ่งเล่นไปมาตลอดเวลา ทำให้แปลกใจว่าเหตุใดสุนัขถึงตายได้เร็วขนาดนี้
ต่อมา บริษัทขนส่งดังกล่าวจึงแจ้งให้ตนทำการผ่าซากสุนัขเพื่อตรวจสอบดูสาเหตุการตาย ซึ่งเมื่อผ่าสุนัข พบเห็นเม็ดยาจำนวนมากอยู่ภายในกระเพาะของสุนัข เป็นเม็ดยาสีขาวกว่า 10 เม็ด และเป็นเม็ดยาสีเหลือง 3-4 เม็ด โดยยาเม็ดสีเหลืองเป็นยาลดความดันที่ใช้กับคน ตนจึงเกิดความสงสัย และสอบถามกับเจ้าของสุนัข ซึ่งเจ้าของสุนัขบอกว่า เป็นยาของตัวเอง ซึ่งยังพบว่ามีเม็ดยาสีเหลืองแบบเดียวกันตกอยู่ภายในกระเป๋าที่ใส่สุนัขมาด้วย
จากนั้นตนจึงได้สอบถามว่าใครป้อนยาให้สุนัข คนขับรถส่งของบอกว่า เห็นเจ้าของป้อนยาให้ และทางเจ้าของสุนัขแจ้งว่า ได้ป้อนยาวิตามินให้สุนัข แต่ตนตรวจสอบแล้วไม่น่าจะใช่ยาวิตามินของสัตว์อย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่วิตามินของสุนัขจะเป็นรสตับ รสนม ที่ชวนให้สุนัขอยากกิน และยาวิตามินของสุนัขที่มีน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ก็ไม่น่าจะป้อนจำนวนมากถึง 10 เม็ด อีกทั้งยังพบยาเม็ดสีเหลืองที่เป็นยาลดความดันของคนรวมอยู่ในกระเพาะสุนัขด้วย
ต่อมา ตนได้ไปขอลงบันทึกประจำวันถึงผลการผ่าชันสูตรซากสุนัขไว้แล้วที่ สภ.โพธิ์กลาง เพื่อเป็นหลักฐาน
สัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ เปิดเผยอีกว่า ส่วนการที่ตนตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นการจงใจฆ่าสุนัขเพื่อหวังเงินประกัน เป็นเพราะว่าทางเจ้าของสุนัขพยายามขอให้เขียนผลการผ่าชันสูตรว่าไม่พบสาเหตุการตาย และได้มีการแก้ไขใบผ่าชันสูตรสุนัขของตน รวมทั้งได้ทราบจากทางพ่อค้าที่ขายสุนัขให้แก่เจ้าของสุนัขคนดังกล่าว ว่า ขายสุนัขตัวที่ตายให้ในราคา 6,500 บาท แต่เจ้าของสุนัขได้โทรศัพท์แจ้งขอร้องไปยังพ่อค้าที่ขายสุนัขให้เขียนใบเสร็จซื้อขายราคาสุนัขในราคา 50,000 บาท เพื่อไปเรียกเงินประกันจากบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง 50,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนสัตวแพทย์ที่อยู่โรงพยาบาลสัตว์อีกแห่งในจังหวัดนครราชสีมาแจ้งแก่ตนว่า เคยเกิดเหตุการณ์คล้ายกับแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้มีการผ่าซากสุนัขจึงทำให้ไม่ทราบสาเหตุการตาย และเพื่อนสัตวแพทย์คนดังกล่าวได้ส่งรูปเจ้าของสุนัขมาให้ตนดูพบว่า เป็นเจ้าของคนเดียวกัน
ตนจึงมั่นใจว่า น่าจะเป็นการจงใจฆ่าสุนัขเพื่อหวังเงินค่าประกันในการขนส่งอย่างแน่นอน ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าของสุนัขตกลงที่จะไม่เรียกค่าประกันกับทางบริษัทขนส่งแล้ว แต่ทราบว่า พยายามไปเรียกร้องเงินกับโรงพยาบาลสัตว์ต้นทางที่กรุงเทพฯ ว่า ตรวจน้องยังไง ทำไมน้องหมาถึงตายระหว่างทางได้ พร้อมเรียกร้องเงินอีก 50,000 บาท
ตนจึงนำเรื่องราวดังกล่าวมาเป็นอุทาหรณ์ว่า ปัจจุบันยังคงมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่ในสังคม
(ภาพบางส่วนจากเฟซบุ๊ก Jakkarin Ringngoen)