สุรินทร์ - สุดสะเทือนใจ..กระโดดช่วยสุนัขตกน้ำ ชาวสังขะเมืองช้างจมดับ 2 ราย หลังคนพิการลงไปช่วยชีวิตสุนัขพลัดตกฝายน้ำล้นไหลเชี่ยวกลับจมหาย ผู้ใหญ่บ้านกระโจนลงไปช่วยหมดแรงจมไปต่อหน้าต่อตาแม่และชาวบ้านอีกรายโดยไม่มีใครช่วยอะไรได้เพราะกระแสน้ำหน้าฝายไหลเชี่ยวกราก ขณะสุนัขนอนเศร้าเฝ้าศพไม่ห่าง
วันนี้ (30 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวานนี้ พ.ต.ท.ปวเรศ กระเวนกิจ สว.สอบสวนเวร สภ.สังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ไดรับแจ้งเหตุมีคนจมน้ำ 2 ราย พบศพแล้ว 1 ราย และสูญหายอีก 1 ราย ที่บริเวณฝายน้ำล้น บ้านขามน้อย บ.ขามน้อย ม.8 ต.ขอนแตก อ.สังขะ จ.สุรินทร์ จึงประสานงานกับหน่วยกู้ภัยตาดาน, หน่วยกู้ชีพ อบต.ขอนแตก, ทีมประดาน้ำจากหน่วยวีอาร์กู้ชีพสุรินทร์ และทีมประดาน้ำจากหน่วยกู้ภัยสุรินทร์ (มูลนิจิบเต็กเซียงตึ๊ง) ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ
ในที่เกิดเหตุพบชาวบ้านยืนมุงดูรอบฝายน้ำล้นจำนวนหลายร้อยคน พบศพที่ชาวบ้านช่วยกันนำขึ้นจากน้ำมาไว้ที่บริเวณสันฝายน้ำล้นข้างรถเข็นคนพิการ ทราบชื่อคือ นายชัยพร อินดี อายุ 44 ปี พิการขาด้วนด้านซ้ายตั้งแต่หัวเข่า และขาข้างขวาผิดรูป จากอุบัติเหตุรถชนเมื่อหลายปีก่อนและต้องนั่งรถเข็น อยู่บ้านเลขที่ 529/54 ม.10 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
ขณะที่ผู้สูญหายอีกรายทราบชื่อต่อมาคือ นายประกาศิต วิวาสุขุ อายุ 44 ปี ผู้ใหญ่บ้านขามน้อย ยังไม่พบร่าง ซึ่งทีมประดาน้ำได้ช่วยกันลงงมหาร่างด้วยความยากลำบาก ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก พร้อมกับนำเชือกผูกโยงข้ามลำน้ำหลายจุดเพื่อดักร่างของผู้ใหญ่บ้านเคราะห์ร้ายที่จมน้ำหายไปแต่ยังไม่พบ
จนล่าสุดเวลาผ่านไปร่วม 7 ชั่วโมง เมื่อเวลา 22.17 น. คืนที่ผ่านมาทีมประดาน้ำพบศพผู้ใหญ่บ้านอยู่ห่างจากบริเวณหน้าฝายน้ำล้นไปประมาณ 20 เมตร ท่ามกลางความเศร้าสลดของชาวบ้านที่มามุงดูและคอยให้กำลังใจครอบครัวผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งทีมประดาน้ำในการงมหาร่างจำนวนมาก
โดยเฉพาะ นางกรองแก้ว วิวาสุขุ อายุ 42 ปี ภรรยาผู้ใหญ่บ้าน นั้นอยู่ในอาการเศร้าสลดและร่ำไห้ด้วยความเสียใจเป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ขณะที่ นายสุทัศน์ แต้มทอง นายก อบต.ขอนแตก ได้ลงพื้นที่หลังจากเกิดเหตุเพื่อติดตามสถานการณ์และสั่งการช่วยเหลือ พร้อมให้กำลังใจครอบครัวผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด
นายพรชัย รักษาพันธ์ อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/1 ม.8 บ.ขามน้อย ต.ขอนแตก ผู้อยู่ในเหตุการณ์เปิดเผยว่า ผู้พิการที่เสียชีวิตได้นั่งรถเข็นมาเล่นที่บริเวณฝายน้ำล้น พร้อมกับสุนัขคู่ใจ ซึ่งตนมาเดินเล่นแถวนี้ด้วยเป็นประจำ ระหว่างนั้นได้ยินผู้ตายพูดกับสุนัขว่าลงน้ำไปเลยเดี๋ยวจะตามลงไป ซึ่งตนไม่ทันสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนเห็นสุนัขตกลงไปในกระแสน้ำหน้าฝายที่เชี่ยวกราก ก่อนที่ผู้พิการจะลงจากรถเข็นและคลานลงไปในน้ำเพื่อช่วยสุนัข ไม่นานผู้พิการเริ่มถูกกระแสน้ำหมุนวนและดูดลงไปในน้ำไม่สามารถขึ้นจากน้ำได้และเริ่มจมน้ำ
ตนจึงกระโจนลงไปช่วย แต่ไม่สามารถดึงร่างคนพิการขึ้นมาได้ ไม่นานนักผู้พิการเริ่มกอดรัดตนและตนเริ่มหมดแรง จึงตัดสินใจผละตัวออกมาเพื่อเอาชีวิตตนเองให้รอดก่อนเพราะไม่ไหวแล้ว หากฝืนอยู่ช่วยต่อคงต้องจมน้ำตายไปทั้งคู่แน่ ก่อนว่ายน้ำมาขึ้นฝั่ง ส่วนสุนัขว่ายน้ำขึ้นฝั่งมาได้ก่อนหน้าแล้ว ระหว่างนั้นผู้พิการจมหายไป และเห็นร่างลอยขึ้นจากน้ำผลุบๆ โผล่ๆ ต่อหน้าต่อตาทั้งที่ใจอยากช่วยชีวิตอย่างเต็มที่แต่ทำอะไรไม่ได้ ตนรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถช่วยชีวิตพี่เขาได้
หลังจากนั้นมีเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆ ไม่กี่คนได้เรียกให้คนมาช่วย ไม่นานผู้ใหญ่บ้านวิ่งมาก่อนกระโจนลงไปในน้ำเพื่อหาวิธีช่วยและดึงร่างผู้พิการขึ้นจากน้ำ ใช้เวลา 10 กว่านาทีแต่ไม่สามารถดึงร่างผู้พิการขึ้นมาได้ จากนั้นผู้ใหญ่บ้านค่อยๆ จมหายไปต่อหน้าต่อตาอีกคน ก่อนที่ชาวบ้านจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ หน่วยกู้ภัยต่างๆ เข้ามาช่วยงมหาร่างดังกล่าว ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
นายกำ สำราญสุข อายุ 48 ปี ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์อีกราย อยู่บ้านเลขที่ 4/1 บ.ขามน้อย ต.ขอนแตก เปิดเผยว่า พบร่างผู้พิการลอยน้ำอยู่ ซึ่งตนคิดว่าเขาเสียชีวิตแล้ว จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงลงไปช่วยดึงร่างผู้พิการขึ้นจากน้ำ โดยลงไปคนเดียวใช้เวลาประมาณ 15 นาทีผู้ใหญ่จึงเริ่มหมดแรงและจมลงไปในน้ำโดยไม่มีใครกล้าลงน้ำไปเพราะกระแสน้ำแรงมาก ส่วนสุนัขที่ผู้พิการลงไปช่วยเป็นสุนัขของเพื่อนบ้านอายุประมาณ 2-3 ปี แต่มาติดและนอนกินคลุกคลีอยู่กับผู้พิการ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ซึ่งผู้พิการมาอาศัยอยู่กับผู้ใหญ่บ้านเนื่องจากมีความสนิทสนมและรู้จักกัน จากที่ผู้พิการเคยเลี้ยงหลานให้กับผู้ใหญ่บ้านที่ จ.สมุทรปราการ จึงมาเล่นและเปิดร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่บ้านได้ประมาณครึ่งปี
ส่วนสุนัขเป็นเพศผู้ เดิมชื่อ “ศรีจันทร์” แต่พอมาอยู่กับผู้พิการถูกตั้งชื่อให้ใหม่เป็น “ชาลี” หลังจากผู้พิการเสียชีวิต สุนัขตัวนี้ยังคงนอนเศร้าเฝ้าศพไม่ยอมห่าง
ด้าน นางผุย วิวาสุขุ อายุ 70 ปี แม่ของผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตาว่า ผู้ใหญ่บ้านมีลูก 2 คน คนโตเป็นลูกสาว อายุ 16 ปี ส่วนคนเล็กเป็นผู้ชายอายุ 3 ขวบ ลูกชายตนเป็นผู้ใหญ่บ้านได้ประมาณ 6-7 ปีแล้ว ตอนเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้าน ซึ่งไม่ไกลจากฝายน้ำล้น ได้ยินคนมาเรียกบอกลูกชายว่ามีคนจมน้ำ จากนั้นลูกชายจึงวิ่งลงไปช่วยคนพิการที่จมน้ำแล้ว แต่น้ำไหลแรงและตีวนกลับไปกลับมาไม่สามารถขึ้นจากน้ำได้ ก่อนจมหายไปและไปโผล่อีกจุดที่ไกลออกไป พร้อมตะโกนบอกอีกว่า “ไม่ไหวแล้ว” ต่อหน้าต่อตาตนเอง โดยที่ทุกคนไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย นางผุยกล่าวทั้งน้ำตาและร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจอย่างที่สุด