xs
xsm
sm
md
lg

จิตใจทำด้วยอะไร.. แม่ ผอ.อ้อยถามแรง “เขียวทมิฬ” ปล้นเงินเกลี้ยงแล้วยังทำร้ายเพศแม่ได้-ดีเอสไอลงลุยพื้นที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางแหลม  อุ่นอ่อน อายุ 60 ปี  แม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์  อุ่นอ่อน หรือ “ผอ.อ้อย” อายุ 37 ปี ผอ.กองการศึกษา  อบต. ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่หายตัวไปนานร่วม 2 เดือน
ศรีสะเกษ - แม่ “ผอ.อ้อย” ถูกอุ้มหายร่วม 2 เดือน โอดสิ้นเงินตามหาลูกสาวแล้วกว่า 2 แสนยังไร้วี่แวว ดิ้นสู้กู้ยืมเงินเพื่อนบ้านมาตามหาจนพบให้ได้ ฝากถาม “เขียวทมิฬ” เกิดมาเป็นคนชาติหนึ่งจิตใจทำด้วยอะไร ปล้นเงินจนหมดเกลี้ยงแล้วยังทำร้ายได้แม้แต่เพศแม่ของตัวเอง เชื่อกรรมตามสนองเร็วๆ นี้ ขณะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่ร่วมสืบสวนสอบสวนหาหลักฐานมัดเขียวทมิฬแล้ว
น.ส.จุฑาภรณ์  อุ่นอ่อน หรือ “ผอ.อ้อย” อายุ 37 ปี ผอ.กองการศึกษา  อบต. ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่หายตัวไป
วันนี้ (28 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ “ผอ.อ้อย” อายุ 37 ปี ผู้อำนวยการ (ผอ.) กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำ ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 60 ที่ผ่านมานานร่วม 2 เดือนหลังจากที่ไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนอนุบาลดำรงราชานุสรณ์ อ.กันทรลักษ์ ซึ่งญาติพี่น้องได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนและสื่อมวลชนเพื่อให้ช่วยตามหาตัว ต่อมาวันที่ 11 ส.ค. ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 จ.อุบลราชธานี ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก เพื่อรับทราบ 4 ข้อหาและให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่ญาติพี่น้องและตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้ระดมกันค้นหา น.ส.จุฑาภรณ์ ตามป่าแนวชายแดนด้าน จ.ศรีสะเกษ จ.อุบลราชธานี และจุดต้องสงสัยอย่างต่อเนื่อง ตามข่าวที่นำเสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 65 บ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีบรรดาญาติพี่น้องของ นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี และ นางแหลม อุ่นอ่อน อายุ 60 ปี ยังคงพากันมาเยี่ยมและให้กำลังใจนายบุญเลิศและนางแหลม พ่อและแม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ อย่างอบอุ่น ทำให้นายบุญเลิศและนางแหลมคลายความเศร้าโศกเสียใจลงได้บ้าง และได้ร่วมกันวางแผนในการที่จะออกลุยป่าตามหาตัว น.ส.จุฑาภรณ์ ซึ่งบรรดาญาติพี่น้องได้ออกตามหาทุกวันไม่มีวันหยุด และไปตามหาทุกจุดที่ต้องสงสัยว่าเป็นที่ซ่อนตัวของ น.ส.จุฑาภรณ์

นางแหลม แม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ กล่าวว่า รู้สึกซาบซึ้งใจบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านต่างพากันมาเยี่ยมและให้กำลังใจตนและครอบครัวอย่างต่อเนื่องจำนวนมาก และอยู่ให้กำลังใจจนดึกดื่นทุกวัน ซึ่งนับตั้งแต่ น.ส.จุฑาภรณ์ หรืออ้อย ลูกสาวได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 60 เป็นต้นมา ตนและญาติพี่น้องได้ออกตามหา น.ส.จุฑาภรณ์ทุกวัน ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าน้ำมันรถยนต์วันละ 5-6 คัน และค่าอาหารให้ญาติพี่น้องที่มาช่วยในการออกตามหาตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งต้อนรับญาติพี่น้องอีกวันละหลายพันบาท ขณะนี้สิ้นเงินค่าใช้จ่ายไปแล้วกว่า 200,000 บาท โดยยังไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายกับลูกสาวของตนทั้ง 2 คนที่เป็นพี่สาวของ ผอ.อ้อย ด้วยที่จ่ายเงินไปแล้วคนละหลายหมื่นบาทเช่นกัน

นางแหลมกล่าวต่อว่า แม้จะหมดสิ้นเงินค่าใช้จ่ายไปแล้วจำนวนมาก แต่ยังไม่ท้อและไม่เลิกล้มความตั้งใจในการตามหาอ้อยลูกสาวคนเล็ก ขณะนี้ได้ไปกู้ยืมเงินจากญาติพี่น้องมาไว้อีกจำนวน 100,000 บาท เพื่อเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการตามหา น.ส.จุฑาภรณ์จนกว่าจะพบตัวลูกสาวคนนี้ ตนฝากถามไปยังสีเขียวทมิฬคนหนึ่งว่า เกิดมาเป็นคนกับเขาชาติหนึ่งจิตใจทำด้วยอะไร ปล้นเงินลูกสาวของตนไปจนหมดธนาคารแล้วยังมาทำร้ายลูกสาวของตนอีก บาปกรรมมีจริง เขียวทมิฬจะต้องได้รับกรรมที่ก่อขึ้นในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน

ทางด้าน นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน พ่อของ น.ส.จุฑาภรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จำนวนประมาณ 15 นาย ลงพื้นที่มาร่วมกับพนักงานสอบสวน ตร.ภ.จว.ศรีสะเกษ เพื่อร่วมกันสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานและตามหาตัว น.ส.จุฑาภรณ์ด้วย ซึ่งต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ได้ให้ความกรุณาส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมาร่วมสอบสวนคดีนี้ เพราะพวกตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นนายทหารและมีเพื่อนฝูงที่คอยให้การช่วยเหลือจำนวนมาก


กำลังโหลดความคิดเห็น