ศรีสะเกษ - แม่ “ผอ.อ้อย” ถูกอุ้มหายร่วม 2 เดือน โอดสิ้นเงินตามหาลูกสาวแล้วกว่า 2 แสนยังไร้วี่แวว ดิ้นสู้กู้ยืมเงินเพื่อนบ้านมาตามหาจนพบให้ได้ ฝากถาม “เขียวทมิฬ” เกิดมาเป็นคนชาติหนึ่งจิตใจทำด้วยอะไร ปล้นเงินจนหมดเกลี้ยงแล้วยังทำร้ายได้แม้แต่เพศแม่ของตัวเอง เชื่อกรรมตามสนองเร็วๆ นี้ ขณะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่ร่วมสืบสวนสอบสวนหาหลักฐานมัดเขียวทมิฬแล้ว
วันนี้ (28 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ “ผอ.อ้อย” อายุ 37 ปี ผู้อำนวยการ (ผอ.) กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำ ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 60 ที่ผ่านมานานร่วม 2 เดือนหลังจากที่ไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนอนุบาลดำรงราชานุสรณ์ อ.กันทรลักษ์ ซึ่งญาติพี่น้องได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนและสื่อมวลชนเพื่อให้ช่วยตามหาตัว ต่อมาวันที่ 11 ส.ค. ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 จ.อุบลราชธานี ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก เพื่อรับทราบ 4 ข้อหาและให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่ญาติพี่น้องและตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้ระดมกันค้นหา น.ส.จุฑาภรณ์ ตามป่าแนวชายแดนด้าน จ.ศรีสะเกษ จ.อุบลราชธานี และจุดต้องสงสัยอย่างต่อเนื่อง ตามข่าวที่นำเสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 65 บ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีบรรดาญาติพี่น้องของ นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี และ นางแหลม อุ่นอ่อน อายุ 60 ปี ยังคงพากันมาเยี่ยมและให้กำลังใจนายบุญเลิศและนางแหลม พ่อและแม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ อย่างอบอุ่น ทำให้นายบุญเลิศและนางแหลมคลายความเศร้าโศกเสียใจลงได้บ้าง และได้ร่วมกันวางแผนในการที่จะออกลุยป่าตามหาตัว น.ส.จุฑาภรณ์ ซึ่งบรรดาญาติพี่น้องได้ออกตามหาทุกวันไม่มีวันหยุด และไปตามหาทุกจุดที่ต้องสงสัยว่าเป็นที่ซ่อนตัวของ น.ส.จุฑาภรณ์
นางแหลม แม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ กล่าวว่า รู้สึกซาบซึ้งใจบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านต่างพากันมาเยี่ยมและให้กำลังใจตนและครอบครัวอย่างต่อเนื่องจำนวนมาก และอยู่ให้กำลังใจจนดึกดื่นทุกวัน ซึ่งนับตั้งแต่ น.ส.จุฑาภรณ์ หรืออ้อย ลูกสาวได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 60 เป็นต้นมา ตนและญาติพี่น้องได้ออกตามหา น.ส.จุฑาภรณ์ทุกวัน ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าน้ำมันรถยนต์วันละ 5-6 คัน และค่าอาหารให้ญาติพี่น้องที่มาช่วยในการออกตามหาตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งต้อนรับญาติพี่น้องอีกวันละหลายพันบาท ขณะนี้สิ้นเงินค่าใช้จ่ายไปแล้วกว่า 200,000 บาท โดยยังไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายกับลูกสาวของตนทั้ง 2 คนที่เป็นพี่สาวของ ผอ.อ้อย ด้วยที่จ่ายเงินไปแล้วคนละหลายหมื่นบาทเช่นกัน
นางแหลมกล่าวต่อว่า แม้จะหมดสิ้นเงินค่าใช้จ่ายไปแล้วจำนวนมาก แต่ยังไม่ท้อและไม่เลิกล้มความตั้งใจในการตามหาอ้อยลูกสาวคนเล็ก ขณะนี้ได้ไปกู้ยืมเงินจากญาติพี่น้องมาไว้อีกจำนวน 100,000 บาท เพื่อเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการตามหา น.ส.จุฑาภรณ์จนกว่าจะพบตัวลูกสาวคนนี้ ตนฝากถามไปยังสีเขียวทมิฬคนหนึ่งว่า เกิดมาเป็นคนกับเขาชาติหนึ่งจิตใจทำด้วยอะไร ปล้นเงินลูกสาวของตนไปจนหมดธนาคารแล้วยังมาทำร้ายลูกสาวของตนอีก บาปกรรมมีจริง เขียวทมิฬจะต้องได้รับกรรมที่ก่อขึ้นในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
ทางด้าน นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน พ่อของ น.ส.จุฑาภรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จำนวนประมาณ 15 นาย ลงพื้นที่มาร่วมกับพนักงานสอบสวน ตร.ภ.จว.ศรีสะเกษ เพื่อร่วมกันสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานและตามหาตัว น.ส.จุฑาภรณ์ด้วย ซึ่งต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ได้ให้ความกรุณาส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมาร่วมสอบสวนคดีนี้ เพราะพวกตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นนายทหารและมีเพื่อนฝูงที่คอยให้การช่วยเหลือจำนวนมาก