ศรีสะเกษ- สามีของ “สาว ผอ.กองการศึกษา อบต.ชำ” ศรีสะเกษ ถูกทหารทมิฬอุ้มหายนานกว่า 1 เดือน ประกาศกลางป่ายันตามหาตัวภรรยาสาวจนกว่าจะพบเพราะลูกน้อย 8 ขวบต้องการแม่ วอนภรรยาอยู่ที่ไหนให้ส่งสัญญาณมาหรือเข้าฝันจะไปรับกลับบ้าน แม้อยู่ในสภาพใดก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีอุ้ม น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรืออ้อย อายุ 37 ปี ผู้อำนวยการ (ผอ.) กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หายตัวไปพร้อมรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 60 ที่ผ่านมานานกว่า 1 เดือน ต่อมา 11 ส.ค. 60 พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อ ร.อ.ศุภชัย ภาโส นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 จ.อุบลราชธานี รวม 4 ข้อหา ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อหา ขณะที่ญาติพี่น้องร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร พากันออกค้นหาตัวของ น.ส.จุฑาภรณ์ตามป่าแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ต้องสงสัยมาอย่างต่อเนื่องหลายวันแต่ยังไร้วี่แวว ตามข่าวที่ได้นำเสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ (17 ส.ค.) ที่บริเวณพลาญเขียด ใกล้กับชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แม้ว่าขณะนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว แต่นายวิทยา เกษแก้ว สามีของ น.ส.จุฑาภรณ์ พร้อมด้วย นายสนองศักดิ์ ยินทะนานนท์ ผู้ใหญ่บ้านซำเม็ง และญาติพี่น้อง ยังคงตระเวนเดินลุยป่า และพากันตรวจดูจุดที่สงสัยว่าจะเป็นที่ฝังร่างของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน ซึ่งจากสัญญาณโทรศัพท์มาสิ้นสุดที่บริเวณใกล้กับฐานทหารแห่งหนึ่งใกล้เขาพระวิหาร นายวิทยาจึงได้ระดมพี่น้องออกพลิกป่าค้นหาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้าจนมืดค่ำทุกวัน แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบตัว น.ส.จุฑาภรณ์แต่อย่างใด
นายสนองศักดิ์ ยินทะนานนท์ ผู้ใหญ่บ้านซำเม็ง กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้ระดมญาติพี่น้องบ้านซำเม็งและบ้านโนนเจริญ ต.เสาธงชัย ร่วม 100 คน กระจายกันเป็นหลายชุดออกค้นหาตามป่าชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะจุดที่ใกล้กับฐานทหาร เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นทหาร อาจนำเอา น.ส.จุฑาภรณ์ไปซุกซ่อนอยู่ในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งได้จัดแบ่งญาติพี่น้อง จำนวน 50 คน ไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ออกค้นหาที่บริเวณสามเหลี่ยมมรกต ด้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาขับรถของ น.ส.จุฑาภรณ์มาประชุมที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งแล้วหายตัวไป แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบแต่อย่างใด ซึ่งตนยืนยันว่าจะยังค้นหาต่อไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะพบร่างของ น.ส.จุฑาภรณ์
นายวิทยา เกษแก้ว อายุ 37 ปี สามีของ น.ส.จุฑาภรณ์ กล่าวด้วยใบหน้าเศร้าหมองว่า ตนและญาติพี่น้องทุกคนมีความห่วงใยอ้อยมาก และจะยังคงตามหาตัวของอ้อยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากน้องใบเฟิร์นต้องการแม่ หากลูกขาดแม่จะทำให้ลูกขาดความอบอุ่น ตนเลี้ยงน้องใบเฟิร์นไม่เหมือนกับที่อ้อยเลี้ยงดู ความรัก ความผูกพันของแม่ลูกเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง ซึ่งตนยังคงตามหาตัวของอ้อยตลอดไป ขอฝากไปถึงอ้อยว่า แม้จะยังมีชีวิตอยู่หรือว่าไม่มีชีวิต ขอให้ส่งสื่อสัญญาณมาถึงวิทย์ด้วย เพื่อพี่วิทย์จะได้ไปรับอ้อยกลับบ้าน แม้ว่าอ้อยจะอยู่ในสภาพใดก็ตาม