กำแพงเพชร - แม่วอนช่วยลูกชายวัย 11 ขวบเป็นโรคไตตั้งแต่เล็ก ต้องพาซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันเก่า ใช้งานมา 15 ปี ข้ามจังหวัดไป-กลับเกือบ 300 กม.ไปฟอกไต รพ.พระพุทธชินราช อาทิตย์ละ 2 ครั้ง นานกว่า 3 ปี ทุกวันนี้หาได้ไม่พอจ่ายต้องเซ็นร้านค้ามากินก่อนจ่ายทีหลัง
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้มีครอบครัวชาวกำแพงเพชรที่มีกัน 4 ชีวิตกำลังต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ใจบุญอย่างเร่งด่วน เนื่องจากลูกชายวัย 11 ขวบป่วยเป็นโรคไตวาย ผู้เป็นแม่ต้องพาซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เดินทางข้ามจังหวัดไป-กลับเกือบ 300 กม. เพื่อพาลูกไปฟอกไตที่โรงพยาบาลพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก อาทิตย์ละ 2 ครั้ง
จากการเดินทางไปตรวจสอบพบว่า เด็กชายวัย 11 ขวบที่ป่วยเป็นไตวาย คือ เด็กชายสิธิรชา โตสิงห์ หรือน้องเพื่อน เป็นลูกชายคนเล็กของนางเสาวลักษณ์ โตสิงห์ อายุ 45 ปี และนายวัลลพ โตสิงห์ อายุ 58 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านปูนชั้นเดียว เลขที่ 8/2 หมู่ 4 ต.ไตรตรึงษ์ อ.เมืองกำแพงเพชร
นางเสาวลักษณ์ เป็นแม่ของน้องเพื่อน บอกว่า ครอบครัวพักอยู่อาศัยกัน 4 คน คือ ตนกับสามี และลูกชายคนโต อายุ 18 ปี เรียนจบระดับ ปวส.แผนกช่างไฟฟ้า วิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร แต่ยังไม่ได้ทำงาน และน้องเพื่อน ลูกชายคนเล็ก
นางเสาวลักษณ์บอกอีกว่า น้องเพื่อนป่วยด้วยโรคไตตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ตนก็ต้องพาลูกไปพบแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่กรุงเทพฯ เพื่อตรวจรักษา-รับยา พร้อมทำการฟอกไต อยู่ 7 ปี จนกระทั่งอายุ 9 ขวบ โรงพยาบาลรามาธิบดีได้ส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลใกล้บ้านที่สามารถฟอกไตเด็กได้ คือ โรงพยาบาลพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก
ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมาตนต้องพาน้องเพื่อนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 110 สีเทา ที่ใช้งานมานาน 15 ปีกว่า เพื่อพาลูกไปฟอกไตที่โรงพยาบาลพระพุทธชินราช โดยขี่รถจักรยานยนต์ไปด้วยกันสองคนแม่ลูก ออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่เวลา 07.00 น. ทุกวันอังคาร และวันศุกร์ ไป-กลับครั้งละ 280 กว่ากิโลเมตร ต้องหาค่าน้ำมันอย่างน้อยครั้งละ 300 บาท
ส่วนสามีต้องทำงานรับจ้างรายวันอยู่ที่โรงงานน้ำตาล จึงไม่สามารถพาตนกับลูกชายไปหาหมอได้ จึงต้องไปกันสองคนแม่ลูก ถ้าวันไหนฝนตกก็ต้องหลบฝน หรือสวมชุดกันฝนเพราะหมอสั่งห้ามให้น้ำเข้าแผลป้องกันการติดเชื้อ โดยสามีจะโทรศัพท์สอบถามทุกครั้งว่าถึงโรงพยาบาลหรือยัง เพราะห่วงกลัวจะประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง เนื่องจากตนเคยประสบอุบัติเหตุขี่รถจักรยานยนต์ชนเสาไฟฟ้าจนเหลือไตข้างเดียวด้วย
“ทุกวันนี้แพทย์ได้จัดยาให้น้องเพื่อนรับประทานมื้อเช้า 14 เม็ด กลางวัน 6 เม็ด มื้อเย็นอีก 7 เม็ด รวมแต่ละวันละ 27 เม็ด”
นางเสาวลักษณ์เปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมาหลายปีก่อนมีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้น เช่น กาชาดจังหวัดกำแพงเพชร, พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ฯลฯ โดยมอบสิ่งของช่วยเหลือ และเงินครั้งละ 1,000-2,000 บาท เป็นครั้งคราว ซึ่งไม่ได้มีให้ตลอด
ขณะที่รายได้ของครอบครัวต้องพึ่งพาสามีที่ทำงานรับจ้างโรงงานน้ำตาลเดือนละ 6 พันบาทเศษเป็นหลัก เมื่อเงินเดือนออกก็ต้องคอยเอามาใช้จ่ายจุนเจือ ค่าน้ำ ค่าไฟ และจ่ายหนี้สินที่ยืมเพื่อน หรือจ่ายค่ากับข้าวที่ค้างไว้ และเบี้ยผู้พิการของเด็กชายสิธิรชา โตสิงห์ หรือน้องเพื่อน เดือนละ 800 บาท
ส่วนตนก็จะหาผัก และซื้อถั่วมาต้มขายในหมู่บ้าน-ตลาดนัดต่างๆ ใกล้บ้านเพื่อหาเงินเป็นค่าเดินทางพาลูกชายไปรักษา บางครั้งก็นำถั่วต้มไปขายที่โรงพยาบาลพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ขณะที่พาลูกไปฟอกไตด้วย
แต่รายได้ทั้งหมดก็ยังไม่พอใช้จ่ายในครอบครัว จึงวอนผู้ใจบุญช่วยเหลืออีกทาง อย่างน้อยก็เป็นทุนในการพาลูกไปฟอกไต ซึ่งถ้าจะพูดกันจริงๆ ตอนนี้ตนอยากจะได้รถจักรยานยนต์คันใหม่ เพราะรถจักรยานยนต์คันนี้มีสภาพที่เก่ามาก ใช้งานมานาน 15 ปีแล้ว กลัวว่าจะมีปัญหาระหว่างพาลูกไปหาหมอ ตนก็จะไม่มีเงินซ่อมรถอีก
ด้านเด็กชายสิธิรชา โตสิงห์ หรือน้องเพื่อน อายุ 11 ขวบ ผู้ป่วยโรคไตวายตั้งแต่ 1 ขวบ ด้วยความอายกล้อง ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ว่า อยากหายป่วย อยากเล่นกับเพื่อนๆ
สำหรับผู้ใจบุญที่ต้องการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรักษาของเด็กชายสิธิรชา โตสิงห์ หรือน้องเพื่อน สามารถร่วมบริจาคได้ที่บัญชี ธนาคารออมสิน สาขานครชุม ชื่อบัญชี นางเสาวลักษณ์ โตสิงห์ เพื่อผู้เยาว์เด็กชายสิธิรชา โตสิงห์ เลขที่บัญชี 020003605696 และติดต่อสอบถามได้ที่นางเสาวลักษณ์ 08-9705-6489