ฉะเชิงเทรา - เตรียมเผาอีก 2 ศพวันนี้ ทั้งคนเจ็บเหตุ จยย.ล้ม ในนิคมเกตเวย์ฯ ฉะเชิงเทราก่อนถูกกระบะตีนผีชนซ้ำจนตาย พร้อมอาสากู้ภัยฯ ที่เข้าช่วยเหลือ ด้านสามีเหยื่อตีนผี บอกหดหู่ใจที่มีคนอื่นมาสังเวยชีวิตขณะช่วยภรรยา เผยความรู้สึกชาหมดทั้งตัว เมื่อรู้ว่าศพที่ตนเองยืนอยู่ใกล้ๆ ตั้งนานคือภรรยา
วันนี้ (13 ส.ค.) นายบำรุง ชำนาญศิลป์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/2 ม.8 ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา สามีของนางจิราภา ชำนาญศิลป์ อายุ 34 ปี ผู้ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บจากรถจักรยานยนต์ล้ม และถูกรถยนต์กระบะขับแซงซ้ายก่อนปาดเข้าขวามาพุ่งเข้ามาชนซ้ำ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ เหตุเกิดขึ้นภายในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ซิตี้ พื้นที่ ม.7 ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อเวลา 20.15 น. ของคืนวันที่ 7 ส.ค.60 ที่ผ่านมา กล่าวว่า
รู้สึกหดหู่ใจต่อชีวิตที่ต้องมีคนอื่นต้องมาเสียชีวิตด้วยกันกับภรรยาของตน ที่มีคนเอาชีวิตของตนเองไปสังเวยกับคนอื่น ซึ่งก็น่าเสียใจที่สังคมสมัยนี้คนทำนั้นไม่ได้นึกถึงความเป็นความตายของคนอื่นเลยว่าเป็นอย่างไร จะเอาแต่ตนเองให้เร็วเข้าไว้ดีที่สุด ผลสุดท้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็ต้องมาเป็นแบบนี้
ในช่วงที่ผ่านมา ตนเองกับภรรยาไม่มีโอกาสที่จะได้พบหน้าพูดคุยกันเลยนานถึงกว่า 2 สัปดาห์ทั้งที่อยู่ในบ้านเดียวกัน โรงงานเดียวกัน เนื่องจากเข้างานคนละกะ ซึ่งในวันเกิดเหตุเป็นช่วงที่ภรรยากำลังขับรถเดินทางเข้ามาทำงาน ซึ่งจะมาเปลี่ยนกะในช่วงเวลา 20.30 น. และเลิกงาน 08.30 น. ส่วนตนนั้นเข้างาน 08.30 น. เลิกงาน 20.30 น. หลังจากออกกะไปในช่วง 2 ทุ่มครึ่งแล้ว ผ่านมาพอดีได้มาพบเห็นกับอุบัติเหตุในขณะนั้น ซึ่งครั้งแรกก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะหยุดรถลงไปดู แต่เพื่อนที่มาด้วยกันบอกให้หยุดรถลงไปดูกันก่อน
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็ยังไม่รู้เลยว่า ผู้เสียชีวิตที่นอนอยู่บนพื้นถนนนั้นเป็นภรรยาของตนเองอีกด้วย ทั้งที่ตนได้เข้ามายืนอยู่ใกล้ๆ กับศพนานแล้ว แต่เมื่อได้สังเกตเห็นหมวกกันน็อกใบสีขาวแบบสวมศีรษะเต็มใบกระเด็นไปตกอยู่บนพื้นถนนนั้น คล้ายกันกับหมวกกันน็อกที่บ้านมาก
เมื่อเดินไปหยิบนำขึ้นมาดูรอยตำหนิที่ตนได้ขีดทำไว้ที่ด้านบนของหมวก ตนถึงกับช็อกจนร่างกายชาไปทั้งตัว ขาสั่นทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกแห่งความหมดสิ้นหวังแล้วทุกอย่างได้วูบเข้ามาในทันที ก่อนที่จะตั้งสติได้ แล้วเดินไปเปิดผ้าคลุมศพที่หน่วยกู้ภัยนำมาปิดคลุมร่างคนตายเอาไว้ออกดู และจับใบหน้าของผู้เสียชีวิตพลิกหันกลับขึ้นมาดูเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง และพบว่าผู้ตายนั้นก็คือ ภรรยาของตนเอง
จึงได้รู้สึกได้ว่าการสูญเสีย หรือการพลัดพรากจากกันไปของคนตายจากกันนั้นมันเป็นอย่างไร ไม่เคยนึกเคยฝันว่าจะมาเจอกับปัญหาแบบนี้ ชีวิตคนทั้งคน การเจ็บป่วยตายนั้นยังพอทำใจได้ แต่นี่ยังคุยกันอยู่ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันในครอบครัวเลย อยู่ๆ ก็มาจากไป 2 อาทิตย์ที่ทำงานกันคนละกะ ไม่เคยเจอกัน พอมาเจออีกทีก็พูดอะไรไม่ได้แล้ว เมื่อนึกคิดดูแล้วพูดอะไรไม่ออกจริงๆ คนทำเพียงแค่มากล่าวคำขอโทษอย่างเดียวมันไม่ใช่แล้ว คนเราถ้าไม่เมา ไม่ขาดสติสักอย่าง ก็คงไม่เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขนาดนี้
“รถที่เขาผลิตของมาจากโรงงานเขาทำมาให้ดีๆ อยู่แล้ว แต่ก็เอาไปดัดแปลงเอาไปแต่งโหลดกัน แล้วพอเกิดอุบัติเหตุก็เอาไม่อยู่ ซึ่งถ้าหากไปเกิดกับลูกหลาน กับพ่อแม่ของเขาเองล่ะ เขาจะคิดอย่างไร”
ส่วนการจะไปเรียกร้อง หรือดำเนินคดีอะไรต่อทางนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ หรือทางผู้รับเหมาที่เข้ามาทำทาง ซ่อมแซมลาดยางปูพื้นผิวถนนจนกลายเป็นทางต่างระดับ และไม่มีสัญญาณไฟเตือนในเวลากลางคืนนั้น ขณะนี้ขอตั้งสติก่อน เพราะยังทำอะไรไม่ถูก ขณะนี้ประสาทช็อกมากจนคิดอะไรไม่ถูก เพราะลูกก็ยังเล็กอยู่อีกหนึ่งคน วัยเพียง 4 ขวบ ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร ได้แต่พูดว่าแม่นอนหลับเดี๋ยวแม่ก็ตื่น หรือบางครั้งก็พูดว่าแม่ตาย แต่ก็ไม่รู้ความหมายว่าความตายนั้นคืออะไร จึงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุด
ส่วนบุตรสาวคนโตอายุ 19 ปี และคนรองอายุ 16 ปี นั้นรู้เรื่องหมดแล้ว สำหรับศพจะมีการฌาปนกิจเผาในวันนี้ เวลา 15.00 น. ที่วัดโป่งปากดง ต.นาเริก อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ตามภูมิลำเนาเดิมของภรรยา
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ที่วัดอ่าวช้างไร่ พื้นที่ ม.4 ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา จะมีพิธีฌาปนกิจศพ นายณัชพล พรหมนา อายุ 25 ปี อาสาสมัครกู้ภัยพนมสารคาม จุดหัวสำโรง 36 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เดียวกันนี้ จะมีพิธีประชุมเพลิงเช่นเดียวกัน ในเวลา 15.30 น.
