ฉะเชิงเทรา - ชาวเมืองแปดริ้ว และจังหวัดใกล้เคียงแห่เข้ากราบไหว้และขอเลขเด็ดจากต้นตะเคียนทองอายุหลายพันปี ที่เพิ่งถูกค้นพบในที่นาโรงสีข้าว และนำมาเก็บรักษาไว้ยังวัดเมืองใหม่ (ทุ่งรวงทอง) อ.ราชสาส์น ตลอดทั้งวัน และคืนที่ผ่านมา หลังเกิดเสียงร่ำลือเรื่องเลขเด็ดจากรถบรรทุกที่บรรทุกต้นตะเคียนมายังวัด งวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา จนถึงรุ่งสางวันนี้ (1 มี.ค.) ได้มีชาวบ้านในจังหวัดฉะเชิงเทรา และใกล้เคียงกว่า 500 คน ทยอยเดินทางเข้าไปยังวัดเมืองใหม่ (ทุ่งรวงทอง) ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังทราบข่าวว่า มีต้นตะเคียนทองยักษ์ อายุหลายพันปี ที่ทางวัดเพิ่งขุดพบ และนำขึ้นมาจากใต้พื้นดินบริเวณกลางท้องนา โดยได้นำเอามาเก็บรักษาไว้ภายในบริเวณวัดเมืองใหม่ ซึ่งพบว่า ตลอดคืนที่ผ่านมามีประชาชนหมุนเวียนเข้ามารุมล้อมต้นตะเคียนเพื่อขอเลขเด็ด และกราบไหว้อย่างไม่ขาดสาย
จากการสอบถาม นายนิยม มิตโกสุม อายุ 54 ปี ไวยาวัจกร และยังเป็นคณะกรรมการของวัดดังกล่าว ทราบว่า ต้นตะเคียนทองต้นนี้ได้ถูกขุดค้นพบจากที่ดินของโรงสีข้าวยี่สิบไพบูลย์ ซึ่งได้ซื้อพื้นนาแห่งนี้เพื่อทำการก่อสร้างโรงสีข้าวในหมู่บ้าน และตั้งอยู่ห่างจากวัดประมาณ 2.5 กิโลเมตร โดยตั้งอยู่บริเวณริมถนนสายฤทธิประศาสน์ (ถนนหลวงฤทธิ์) เส้นทางบางคล้า-พนมสารคาม ซึ่งขณะที่โรงสีกำลังขุดดินเพื่อปรับที่สำหรับสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย และบ่อเก็บน้ำไว้ใช้ภายใน ได้พบต้นตะเคียนขนาดใหญ่ฝังอยู่ใต้ดิน
โดยมีลักษณะที่ยังตั้งต้นเอียงอยู่ในระดับความลึกถึงโคนต้นประมาณ 40 เมตร และหลังจากที่เจ้าของที่ดินผืนนี้ได้ขุดขึ้นมาก็ได้นำมามอบถวายให้แก่ทางวัดเมืองใหม่ เพื่อเก็บรักษาตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และหลังจากทำการวัดขนาดลำต้นแล้ว สามารถวัดเส้นรอบวงบริเวณโคนต้นได้ความยาว 320 เซนติเมตร ส่วนความยาวจากโคนจดปลายวัดได้ 19 เมตร หรือประมาณ 9 วาครึ่ง เบื้องต้น คาดว่าเป็นต้นตะเคียนทองที่มีอายุนับพันปี เพราะจมอยู่ในพื้นดินในระดับที่ค่อนข้างลึก
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านแห่เข้ามาเที่ยวชม และกราบไหว้ต้นตะเคียนยักษ์ต้นนี้ เป็นเพราะเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีชาวบ้านพบเห็นว่าเลขท้ายของทะเบียนรถบรรทุก 6 ล้อ ที่บรรทุกต้นตะเคียนมาจากกลางท้องนาซึ่งตรงกับเลขท้ายรางวัลที่หนึ่ง คือ เลข 64 ทำให้ชาวบ้านพากันร่ำลือ จนมีผู้หลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชม บางรายได้นำแป้งมาโรยเพื่อลูบขอหวย
โดยพบว่าหลังจากวัดแห่งนี้ได้เก็บรักษาต้นตะเคียนทองไว้ ก็ทำให้มีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาทำบุญที่วัด และเยี่ยมชมภายในบริเวณวัดอย่างไม่ขาดสาย ทำให้วัดแห่งนี้ซึ่งแต่เดิมเป็นวัดที่เงียบสงบ ขาดความเจริญ และแทบไม่มีเงินใช้จ่ายบำรุงวัด ได้กลายเป็นแหล่งค้าขายของชาวบ้านในพื้นที่อย่างคึกคัก ขณะที่สิ่งปลูกสร้างภายในวัด เช่น ศาลาการเปรียญ และหอสวดมนต์ ที่อดีตเจ้าอาวาส พระครูวีรกิจโสภิต ซึ่งเป็นพระครูชั้นเอกได้ก่อสร้างค้างไว้ ก็เริ่มมีประชาชนเข้ามาร่วมสมทบทุนในการก่อสร้างมากขึ้น