ลำปาง - วิพากษ์กระหึ่ม หลัง 3 รอง ผอ.นำคณะครู รวม 57 คน ใส่ชุดสีกากีชูป้าย “ทวงศักดิ์ศรี ร.ร.” เดินขบวนขึ้นโรงพักแจ้งจับ “ครูต้อย” แต่ไม่ดำเนินคดี ผอ.พร้อมบอกเจ้าหนี้เสียประโยชน์ลงขันจ้างนักข่าวโจมตี รับมีออกใบเสร็จเถื่อนกันจริง แต่ตนไม่เกี่ยว พบคำสั่งแต่งตั้ง จนท.สำนักฯ ผอ.ไร้ชื่อครูจอมแฉ แต่ระบุชื่อ หน.สำนักงานฯ 4 จนท.ชัด
กรณี นายสมยศ ยะม่อนแก้ว รอง ผอ.รักษาราชการแทน ผอ.โรงเรียนอนุบาลลำปาง (เขลางค์รัตน์อนุสรณ์) พร้อมด้วย นางจินตนา หิรัณณกุล นายกิตติกร แก้วใจ รอง ผอ.โรงเรียน และครูรวม 57 คน แต่งชุดข้าราชการสีกากีเดินถือป้ายข้อความ “ชาวอนุบาลลำปางฯ รักในศักดิ์ศรี ไม่ให้ใครมาย่ำยี” และ “ชาวอนุบาลลำปางฯ จะไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล” เข้าร้องทุกข์ต่อ สภ.เมืองลำปาง ที่อยู่ห่างจากโรงเรียนราว 300 เมตร เมื่อ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา
เพื่อดำเนินคดีต่อ นางสุรณี กัลยารัตนกุล หรือครูต้อย ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ ปฏิบัติงานเป็นหัวหน้าสำนักงาน ผอ.และทำหน้าที่เป็นเลขานุการของ นายประยูร เรียนปิงวัง ผอ.โรงเรียนฯ ในข้อหายักยอกทรัพย์ของโรงเรียน แต่ไม่ดำเนินคดีต่อ นายประยู เรียนปิงวัง
โดยอ้างว่า ขณะนี้ นายประยูร เข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงแล้ว แต่ นางสุรณี เป็นคนธรรมดากฎหมายปกครองเอื้อมไม่ถึง ดังนั้น จึงต้องแจ้งความให้ได้รับโทษทางอาญา ส่วนนายประยูร หากผลการสอบสวนออกมาว่าผิดก็มีโทษ ให้ออก ไล่ออก และตามยึดทรัพย์สินอยู่แล้ว
หลังจากแจ้งความเสร็จ นายสมยศ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนบริเวณด้านหน้า สภ.เมืองลำปาง ว่า มาดำเนินคดีครูต้อย ในคดียักยอกทรัพย์ เอาเงินของผู้ปกครองที่มาชำระเงินบำรุงการศึกษา เอาไปใช้จ่ายอะไรผมก็ไม่รู้ เอาไปให้ใครผมก็ไม่รู้ ในฐานะหัวหน้าสำนักงาน ผอ. ซึ่ง ผอ.อยู่ที่โรงเรียนมาตั้งแต่ปี 51
“ผมจะบอกว่า ผอ.ตอนนี้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนวินัยร้ายแรงแล้ว และท่านเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากท่านผิด ท่านถูกปลดออก ไล่ออก ส่วนสิ่งที่เสียไปทั้งหมด สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กำลังตรวจสอบอยู่ว่า รัฐเสียหายไปเท่าไหร่ สอบเจ้าหน้าที่ไปสอบฐานละเมิดเรียกเงินคืน อันนี้เป็นกระบวนการของฝ่ายรัฐ”
แต่ คุณสุรณี เป็นบุคคลธรรมดา เป็นข้าราชการบำนาญ ซึ่งกฎหมายปกครองเอื้อมไปไม่ถึง ฉะนั้นเป็นตัวการในการกระทำผิด เขาจะต้องได้รับโทษทางอาญา ในขณะนี้ผมบอกได้เลยว่า ที่ผ่านมาเขาออกสื่อแต่ฝ่ายเดียว ใส่ร้ายป้ายสีทุกคน แล้วก็เอาคณะครูมาเกลือกกลั้วหมดทุกคน ครูประจำชั้นจะต้องโดนเรียกไปสอบหมด
นายสมยศ ระบุด้วยว่า เรื่องโครงการฝากลูกไว้กับครู ซึ่งเงินที่ได้แต่ละเดือนก็น้อยนิด ที่ดูแลเด็กให้ผู้ปกครองโดยเสน่หาให้ผู้ปกครองที่ไม่สามารถมารับลูกได้ในเวลาสามโมงครึ่ง ตอนนี้มีการร้องเรียนว่า ได้เงินจากครูห้องละ 5,000 บาท ข่าวนี้ก็ผิด ส่วนที่ครูรับไว้ก็ถือว่าผิด ที่จริงคือ ต้องมาเข้าระบบก่อนแล้วจ่าย มันถึงจะถูก
“ผมก็สงสารคณะครูที่จะต้องถูกสอบทุกคน ไม่เป็นธรรม ผมมารับตำแหน่งในฐานะรอง ผอ.ร.ร.อนุบาลฯ วันที่ 8 พ.ย.59 แต่สำนักงานเขตพื้นที่ฯ ให้ผมไปช่วยราชการงานศิลปหัตถกรรมจนแล้วเสร็จ ผมกลับมาทำงานจริงๆ ประมาณกลางเดือนมกราคม 60”
นายสมยศ ยังได้กล่าวอีกว่า ผมถามว่า เพราะ รธน.ประกาศให้เด็ก 3 ขวบ สพฐ.จะต้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งหลังผมไปประชุมมาผมก็มาบอกว่า ต่อไปต้องรับ 4 ขวบ ส่วน 3 ขวบห้ามนะ แต่ปรากฏว่า 3 ขวบ รับไปแล้วห้องเรียนพิเศษ MEP 14 คน ห้องปกติรับไป 45 คน ลองเอาจำนวนนักเรียน 14 คน คูณ 41,250 บาท และเอา 45 คูณ 23,250 บาท จะเป็นเงินกว่าหนึ่งล้านบาท
“ผมก็ถามว่าเงินหนึ่งล้านกว่าบาทเอาไปที่ไหน พอผมถามก็บอกว่าไม่มีเงินแล้ว ผมก็ไม่สนใจแล้ว ใครรับชอบก็ต้องรับผิด ผมก็ประกาศรับเด็กอย่างเป็นทางการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมี 80 กว่าคน ซึ่งพวกนี้เงินจะเข้าระบบหมด ปรากฏว่า ขณะนี้เด็ก 3 ขวบ บางส่วนก็ได้ใบเสร็จเถื่อน อีกส่วนหนึ่งก็ได้ถูกต้องตามกฎหมาย มันเป็นที่มาของการร้องเรียนกล่าวโทษผู้อำนวยการ”
ส่วนที่บอกว่าได้รับเงิน 50% ของร้านค้าสวัสดิการในโรงเรียนวันละ 100 แบ่งคนละครึ่ง สนง.ผอ.เอาไปบริหารครึ่งหนึ่ง การเงินโรงเรียนเอาไปครึ่งหนึ่ง เมื่อผมเข้ามาผมว่า ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมปฏิรูป แต่ผมก็ต้องถาม ผอ.ก่อนว่า ผมจะทำอย่างนี้ท่านจะเห็นชอบด้วยไหม ถ้าท่านไม่เห็นชอบด้วยก็ผิดกฎหมาย ท่านก็บอกว่าตามแต่ผม จากนั้นผมก็ปฏิรูปร้านค้า เอาเงินทั้งหมดที่ได้แต่ละวันไปเข้าบัญชีเงินกองทุนโรงเรียนอนุบาลลำปาง หายไปแล้วสองทาง
นายสมยศ กล่าวว่า สระว่ายน้ำหัวละ 20 บาท ผมก็บอกว่าไม่ถูกต้อง เอาไปออกใบเสร็จ รายได้หดหาย เพราะเอาไปเข้าระบบหมด ทุกเรื่องเท่าที่จะทำได้ เพราะผมเป็นรอง ผอ.ฝ่ายงบประมาณ ผมต้องทำให้ถูกต้อง เมื่อรายได้สำนักงานฯ ไม่มีก็เป็นที่มาของการร้องเรียน
ส่วนเจ้าหนี้กว่า 10 ล้าน ผมจึงถูกฝั่งนั้นโจมตีผมต่อ แต่ผมทำสิ่งที่ถูกต้อง ผมยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ผมเป็นข้าราชการดีเด่นของจังหวัดลำปาง ปีนี้ผมได้รับรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ให้พระพุทธศาสนา คงไม่ทำอะไรชั่วๆ เหมือนที่เขาทำ ผมจะไม่กล่าวถึงท่านผู้อำนวยการ เพราะท่านเข้าสู่กระบวนการแล้ว ให้กรรมการเป็นผู้วินิจฉัย
“แต่คนที่กฎหมายปกครองเอื้อมไปไม่ถึง จะเป็นคนชั่วลอยนวลได้อย่างไร แล้วกระทำความผิดแล้วป้ายสีให้คนอื่นตลอด ตอนนี้เจ้าหนี้ก็ลงขันให้นักข่าวลงข่าวโจมตีผมว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ครูที่มาวันนี้คือ เขาอึดอัดที่ถูกย่ำยีอยู่ทุกวัน เดินตลาดเกือบไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้ข้อเท็จจริงอีกข้างหนึ่ง ที่ผ่านมา ผมยังไม่ทำ เพราะหนังสือรักษาราชการ ผอ.เพิ่งเซ็นลงมาเมื่อวันที่ 24 ก.ค.60 ถ้าผมทำอะไรลงไป ก็จะไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะยังไม่เต็มร้อย เพียงแต่รักษาราชการตามคำสั่งเดิมที่อยู่ในโรงเรียน”
นายสมยศ ย้ำด้วยว่า ขณะนี้ก็ยังมีกระบวนการหลายสิ่งหลายอย่างที่ใส่ร้ายป้ายสีผมตลอด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำแล้วไปขัดประโยชน์ที่จะได้ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ไม้รู้ว่าชีวิตผมจะปลอดภัยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหนี้เป็นคนในโรงเรียนหรือนอกโรงเรียน นายสมยศ บอกว่า “ผมไม้รู้ ผู้กล่าวหามากผมไม่รู้ ในที่มืดก็มีในที่แจ้งก็มี ส่วนที่ผ่านมาคณะครูไม่ออกมาร้องเรียนทั้งๆ ที่รู้เรื่องนี้มาตลอดก็เพราะไม่มีผู้นำ”
ทั้งนี้ ในการร้องทุกข์กล่าวโทษ นางสุรณี กัลยารัตนกุล ครั้งนี้ ได้มีการแนบหนังสือที่ ศธ 04131.0175/005 ลงวันที่ 27 ก.ค.60 ต่อหัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง พร้อมแนบเอกสารสำเนา พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 จำนวน 3 แผ่น สำเนาคำสั่งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดลำปางที่ 105/2560 จำนวน 2 แผ่น และสำเนาใบเสร็จรับเงินค่าธรรามเนียมการเรียน จำนวน 168 แผ่น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยหนังสือคำสั่งโรงเรียนอนุบาลลำปางฯ เกี่ยวกับการมอบหมายให้บุคลากรในโรงเรียนเป็น “หัวหน้าสำนักงาน ผอ.” ที่ 81/2555 คำสั่งที่ 97/2555 คำสั่งที่ 99/2559 และคำสั่งที่ 47/2560 โดยมีหน้าที่รับผิดชอบงานมากถึง 30 ภารกิจงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับงานด้านงบประมาณ และการเงินทั้งสิ้นนั้น หนังสือทุกฉบับไม่มีตำแหน่งที่ระบุรายชื่อของนางสุรณี แม้แต่คำสั่งเดียว
โดยเฉพาะคำสั่งที่ 81/2555 ข้อ 5 กลุ่มงานสำนักงานผู้อำนวยการโรงเรียน มีการระบุตัวบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าสำนักงาน ผอ.ไว้อย่างชัดเจน คือ 1.นายสมยศ ยะม่อนแก้ว หัวหน้าสำนักงานผู้อำนวยการโรงเรียน 2.น.ส.ตวงพร เอี่ยมแข่ง ธุรการ 3.นางฉัตรฤดี จักรใจวงศ์ ธุรการ 4.น.ส.อรุณี ณ เมธา ธุรการ
ด้าน นางสุรณี กัลยารัตนกุล หรือครูต้อย ได้ยืนยันว่า สำนักงาน ผอ.ได้ตั้งขึ้นหลังตนเกษียณอายุราชการแล้วในปี 2555 ซึ่งก็มี นายสมยศ ทำหน้าที่หัวหน้าสำนักงานฯ ตามหนังสือที่สื่อนำเสนอ โดยตนได้รับการทาบทามให้เข้าไปช่วยงานโรงเรียนหลังเกษียณมาอยู่บ้าน ซึ่งตอนเห็นว่าหากเป็นงานโรงเรียน สามารถช่วยเหลืออะไรได้ก็ยินดีช่วย และก็มีอีกหลายท่านที่เกษียณแล้ว และก็ยินดีเข้าไปช่วยงานโรงเรียนเช่นกัน
ในส่วนของตน ผอ.ขอให้ไปช่วยดูงานที่สำนักงานฯ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ไปช่วยโดยดูแล ผอ. และครอบครัวเป็นหลัก ซึ่งตนเองไม่เคยได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าสำนักงาน ผอ.แต่อย่างใด ซึ่งหลังจากที่ นายสมยศ ออกมาพูดต่อสื่อมวลชนไปเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ตน และเจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังดูเรื่องนี้อยู่ เพราะถือว่าตนได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
“ที่ผ่านมาตนเองออกมาร้องเรียนถึงพฤติกรรมของ ผอ.โรงเรียน และไม่เคยได้กล่าวหาโรงเรียนแต่อย่างใด ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากสื่อทั้งหมด เพื่อให้ทนายความดำเนินการตามกฎหมายต่อ นายสมยศ ต่อไป”
ขณะเดียวกัน การที่รอง ผอ.โรงเรียนอนุบาลลำปาง ทั้ง 3 นำคณะครูออกมาเคลื่อนไหวดังกล่าว ได้ทำให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์กันในสังคมออนไลน์ของเมืองลำปางอย่างกว้างขวางข้ามสัปดาห์เลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องที่มีการแจ้งความเฉพาะครูต้อย แต่ไม่แจ้งความ ผอ.หรือบุคคลอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และยังไม่มีแนวทางแก้ไขหรือชี้แจงต่อผู้ปกครองซึ่งเป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้ด้วย
โดยมีการตั้งข้อสังเกตุกันว่า ทำไมแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นางสุรณี ในข้อหายักยอกทรัพย์เพียงคนเดียว แต่ทำไมไม่แจ้งความต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามเอกสารแจ้งความที่ระบุว่า ในสำนักงาน ผอ.มีผู้ที่ทำหน้าที่ด้วยกัน 4 คน ขณะที่ นางสุรณี ไม่มีชื่อปรากฏในคำสั่งแต่งตั้งใดๆ ในสำนักงาน ผอ. นอกจากเป็นเลขาส่วนตัวของ นายประยูร เรียนปิงวัง ผอ.ร.ร.เท่านั้น
ส่วนกรณีของ นายประยูร ที่อ้างว่า เข้าสู่กระบวนการสอบสวนวินัยร้ายแรงแล้วนั้น ก็เป็นคนละส่วนกับการแจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกทรัพย์ ซึ่งตามกฎหมายต้องแจ้งความภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้