ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เซ่นรับน้องสยิว! มทร.อีสานสั่งลงโทษนักศึกษา 3 กลุ่ม ทั้งกลุ่มคนโพสต์ รุ่นพี่ควบคุมฐาน และนักศึกษาในฐาน ทำกิจกรรมรับน้องใหม่ไม่เหมาะสม ให้นักศึกษาชาย-หญิงหลายคนจับคู่เอาแก้ม คาง หน้าผากชนกันโพสต์ฉาวกระฉ่อนโซเชียลฯ พร้อมนำมาลัยกราบขอขมาทหารพ่อนักศึกษาหญิงหนึ่งในเหยื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการแชร์รูปภาพกิจกรรมการรับน้องที่ไม่เหมาะสมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) นครราชสีมา ในกิจกรรมรับน้องใหม่ “ก้าวแรกสู่ มทร.อีสาน” ที่ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีภาพของนักศึกษารุ่นพี่ให้นักศึกษารุ่นน้องชาย และหญิงหลายคนจับคู่กัน และให้เอาหน้าผาก แก้ม และคางชนกันไว้เป็นเวลานาน จนถูกคนจำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม จนทาง มทร.อีสานออกมาแถลงชี้แจงยอมรับผิดและขอโทษ พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเอาผิดรุ่นพี่ที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวนั้น
ล่าสุดวันนี้ (6 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้ปกครองของนักศึกษาหญิงชั้นปีที่ 1 ที่อยู่ในรูปภาพที่แชร์กันในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นนายทหารสังกัดหน่วยทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคอีสาน ได้เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา เพื่อฟังผลการสอบสวนจากคณะกรรมการของมหาวิทยาลัยฯ ในเรื่องดังกล่าว
โดย ผศ.ชูชัย ต.ศิริวัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) นครราชสีมา ได้ชี้แจงถึงผลการสอบสวนว่า ทางคณะกรรมการสอบสวนได้พิจารณาบทลงโทษนักศึกษาที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยมีนักศึกษาที่เกี่ยวข้อง 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 นักศึกษาที่เป็นคนนำรูปภาพไปโพสต์ในโลกออนไลน์ มีจำนวน 2 คน ซึ่ง เป็นการกระทำที่ทำให้นักศึกษาหญิงสาวที่อยู่ในภาพเกิดความเสียหาย ถูกลงโทษตัดคะแนนความประพฤติ 10 คะแนน แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ และให้บำเพ็ญประโยชน์ 100 ชั่วโมง
กลุ่มที่ 2 นักศึกษารุ่นพี่ที่ควบคุมฐานกิจกรรม มีจำนวน 4 คน ถูกลงโทษตัดคะแนนความประพฤติ 5 คะแนน แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ และให้บำเพ็ญประโยชน์ 50 ชั่วโมง
และกลุ่มที่ 3 นักศึกษาที่อยู่ในฐานกิจกรรม ซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่ร่วมทำกิจกรรมดังกล่าวจำนวนกว่า 40 คน ถูกลงโทษด้วยการภาคทัณฑ์ และให้บำเพ็ญประโยชน์ 50 ชั่วโมง
ขณะที่ผู้ปกครองของนักศึกษาหญิงชั้นปีที่ 1 ที่อยู่ในรูปภาพที่ถูกแชร์ในโลกออนไลน์ กล่าวว่า ตอนแรกที่เห็นภาพก็รู้สึกรับไม่ได้ และรู้สึกโมโห แม้ว่าในภาพจะไม่เห็นใบหน้าที่ชัดเจนของลูกแต่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะมองด้านไหนก็จำได้ว่าเป็นลูกตัวเอง และถูกกระทำเช่นนั้นอีก รวมถึงการโพสต์ข้อความที่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างยิ่ง แต่เมื่อสอบถามจากลูกสาวแล้วจึงทราบว่ารูปดังกล่าวเกิดจากมุมกล้อง ไม่มีอะไรที่เกินเลยกัน ตนเชื่อในตัวลูกสาว ซึ่งตนไม่ได้ติดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และพอใจกับบทลงโทษของทางมหาวิทยาลัยฯ ทั้งนี้ตนขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวังในการทำกิจกรรมให้มากกว่านี้
ภายหลังจากทางมหาวิทยาลัยฯ ได้ชี้แจงผลการสอบสวนให้ทางผู้ปกครองของนักศึกษาหญิงชั้นปีที่ 1 ได้รับทราบ กลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ที่เป็นผู้ควบคุมกิจกรรมดังกล่าวได้นำพวงมาลัยไปกราบขอขมาต่อผู้ปกครองของนักศึกษาหญิงคนดังกล่าวด้วย โดยทางผู้ปกครองของนักศึกษาสาวได้กล่าวให้อภัย พร้อมกับบอกให้ทุกคนตั้งใจเรียนหนังสือ และทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยความระมัดระวัง