จากกรณีข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาฬสินธุ์ พาลูกสาววัย 19 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ ว่า ลูกสาวถูกอดีตสามีใหม่ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ใช้โทรศัพท์แอบถ่ายภาพและถ่ายคลิปขณะอาบน้ำ พร้อมกับลวนลามมานานหลายปี
จึงได้เข้าร้องเรียนต่อ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 และแจ้งความต่อตำรวจ สภ.กุฉินารายณ์ ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี กับพนักงานสอบสวน ต่อมาทางศึกษาธิการ จ.กาฬสินธุ์ได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (5 ก.ค.) นายกิตติพศ พลพิลา ศึกษาธิการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจาก สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 นำเอกสารหลักฐานและผลสรุปการสอบข้อเท็จจริงกรณีนายสมศักดิ์ ขันทวี อายุ 58 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองหูลิงเจริญเวทย์ ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ถูกข้าราชการครูร้องเรียน ว่า นายสมศักดิ์ ขันทวี ซึ่งเป็นอดีตสามีใหม่ ใช้โทรศัพท์แอบถ่ายภาพและถ่ายคลิปขณะลูกสาวอาบน้ำ พร้อมกับลวนลามมานานหลายปี โดยผลการสอบของคณะกรรมการ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 พบว่ามีมูลความผิดนั้น
ทางศึกษาธิการจังหวัดก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายสมศักดิ์ ขันทวี ทันทีตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ได้เปลี่ยนตัวประธานคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงเป็นนายสุรสิทธิ์ ทิพย์สมบูรณ์ รองศึกษาธิการ จ.กาฬสินธุ์ เนื่องจากประธานคนเก่าจะเกษียณอายุราชการในช่วงปลายเดือนกันยายน 2560
นายกิตติพศกล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงได้ส่งหนังสือแจ้งไปยัง สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 และแจ้งไปยังนายสมศักดิ์ ขันทวี อายุ 58 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองหูลิงเจริญเวทย์แล้วว่าขณะนี้เจ้าตัวถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งแนวทางต่อไปคณะกรรมการจะต้องลงพื้นที่เก็บข้อมูลกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแล้วนำมาพิจารณาและส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการการศึกษา จ.กาฬสินธุ์ หรือ กศจ.กาฬสินธุ์
ซึ่งบทลงโทษวินัยร้ายแรง หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำผิดจริงนั้นจะต้องถูกดำเนินการปลดออกและไล่ออกเท่านั้น
นายกิตติพศกล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก ซึ่งคณะกรรมการจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เท็จจริง โปร่งใส และความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย แต่คงไม่ช้าเกินไป และไม่เร็วเกินไป คาดว่าน่าจะสามารถสรุปผลสอบได้ไม่เกิน 90 วัน ซึ่งตามกฎระเบียบการสอบวินัยร้ายแรงใช้เวลาไม่เกิน 240 วัน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่างานนี้ไม่มีมวยล้ม ไม่มีใครมาวิ่งเต้น เพราะไม่มีประโยชน์อะไร จะต้องว่ากันไปตามความผิด และพยานหลักฐาน โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับเด็ก นักเรียน นักศึกษา และผู้มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการจะต้องมีคุณธรรมจริยธรรมและเป็นผู้นำแบบอย่างที่ดี
ด้าน พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าล่าสุดทางพนักงานสอบสวน สภ.กุฉินารายณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่เจ้าของคดีได้ทำการสอบปากคำพยาน ผู้เสียหาย และผู้ถูกกล่าวหาครบแล้ว พร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐาน และขณะนี้ได้สรุปสำนวนส่งไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
โดยแจ้งข้อกล่าวหากับผู้อำนวยการโรงเรียนคืออนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนยืนยันว่าตำรวจมีพยานหลักฐานครบถ้วน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากจะกระทบและมีผลต่อคดี