xs
xsm
sm
md
lg

ผวาเลย....ลือหึ่งอดีต ผอ.โรงเรียนอนุบาลชื่อดังวิ่งเต้นกลับอุตรดิตถ์ หวั่นกลับมาสวาปามเงินแป๊ะเจี๊ยะอีกครั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อุตรดิตถ์ - ครูอุตรดิตถ์แฉหมดเปลือก แป๊ะเจี๊ยะโรงเรียนอนุบาลชื่อดัง ผอ.โรงเรียนนำเงินไปซื้อของ-รถเป็นสมบัติส่วนตัว แม้ถูกย้ายไปอยู่ส่วนกลางแล้วแต่มีกระแสการวิ่งเต้นกลับมาที่เดิม หวั่นพฤติกรรมดูดเงินจากโรงเรียนกลับมาหลอกหลอนอีก วอนกระทรวงศึกษาฯ ลงมาตรวจสอบ

แหล่งข่าวซึ่งเป็นครูอยู่ในโรงเรียนอนุบาลชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยถึงพฤติกรรมของผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลชื่อดังว่า กว่า 20 ปีที่คณะครูในโรงเรียนรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากกับการเก็บเงินจากผู้ปกครองที่ต้องการจะให้ลูกเข้าเรียนในโรงเรียน ทุกปีจะมีการเรียกเก็บเงินในอัตราเด็กระดับชั้นอนุบาล 1 จำนวน 12,000 บาท รับเด็กปีละประมาณ 20 คน เฉลี่ยเป็นเงิน 240,000 บาท และหากนักเรียนคนใดจะย้ายเข้ามาในระดับชั้นอนุบาล 2 ถึงชั้นประถมศึกษา (ป.) จะต้องจ่ายรายละ 10,000 บาท ป.4 ถึงมัธยมศึกษา (ม.) รายละ 5,000 บาท

ซึ่งแต่ละปีจะมีเงินที่ทางโรงเรียนเรียกเก็บจากผู้ปกครองมากกว่า 1 ล้านบาท แต่เงินที่เรียกเก็บจะอ้างชื่อในนามสมาคมครู-ผู้ปกครองโรงเรียน ทำให้สมาคมฯ มีเงินสะสมมากกว่า 10 ล้านบาท แต่คนที่ดูแลเงินกลับเป็นผู้อำนวยการ (ผอ.) โรงเรียนแต่เพียงคนเดียว ไม่ให้บุคคลอื่นได้รับรู้หรือรู้เห็นแต่อย่างใด แต่พยายามบอกกับผู้ปกครองเสมอว่าไม่เคยเรียกเก็บเงินจากการเข้าเรียนในโรงเรียน

แหล่งข่าวกล่าวว่า ปี 2543 ผอ.โรงเรียนนำเงินของสมาคมฯ ออกมาใช้ส่วนตัวโดยการนำไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ประเทศฟิลิปปินส์ และซื้อรถตู้มือสอง 1 คันมาใช้ในโรงเรียน ด้วยการแลกกับผู้ก่อตั้งสมาคมฯ ที่ให้นำเงินออกมาใช้ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ พร้อมพิจารณาให้ได้รับขั้นเงินเดือน 2 ขั้นทุกปี ทำให้เงินของสมาคมฯ ลดน้อยลงทุกปี

จากนั้นปี 2547 มีการโอนเงินของสมาคมฯ ไปเป็นเงินของกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียน เงินที่เก็บจากพ่อค้าแม่ค้า เงินของสหกรณ์โรงเรียนก็ไม่เคยนำเข้าสู่ระบบแต่อย่างใด ทั้งที่เป็นเงินรายได้ของโรงเรียนแต่กลับนำไปซื้อรถแบบ 4 ประตูนำมาใช้และมีชื่อเป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์เป็นรถยนต์ส่วนตัวของ ผอ. จากนั้นก็ซื้อรถบัสอีก 1 คัน รวมรถยนต์ที่ซื้อระหว่างที่เรียกเก็บเงินค่าเข้าเรียนจากผู้ปกครองทั้งสิ้น 9 คัน รถยนต์ทุกคันจะใช้เงินเพื่อดาวน์และผ่อนค่างวดที่ ผอ.ถืออยู่

“ผอ.เปิดห้องเรียนพิเศษขึ้นมาคือห้องเรียน 2 ภาษา มีเด็กเรียน 350 คน เก็บเงินคนละ 35,000 บาท เงินบางส่วนก็เข้าระบบอย่างถูกต้อง แต่ที่เหลือจะเก็บไว้ในบัญชีของคณะกรรมการบริหารสถานศึกษา ช่วงปิดภาคเรียนก็จะนำครูที่เป็นพรรคพวกของ ผอ.ไปเที่ยวต่างประเทศแบบฟรี

นอกจากนี้ ผอ.เปิดให้มีการเรียนการสอนหลังเลิกเรียน แต่เก็บเงินจากผู้ปกครองรายละ 500 บาท ในจำนวนนี้แบ่งให้ครูผู้สอน 400 บาท ส่วนอีก 100 บาท ผอ.จะนำไปบริหารเองเหมือนเดิม ปีที่ผ่านมามีการตั้งกองทุนชื่อของ ผอ.ขึ้นมาเพื่อหลอกลวงครูในโรงเรียนที่ได้รับวิทยฐานะร่วมบริจาคเงินเข้ากองทุนโดยไม่มีคณะกรรมการขึ้นมาดูแล นอกจากนี้ยังนำเงินที่อยู่ในรูปแบบต่างๆ ออกมาใช้จ่ายโดยที่ครูในโรงเรียนไม่เคยรับรู้อีกหลายอย่าง” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ปี 2559 ผอ.โรงเรียนจะลาออกจากตำแหน่งไปรับตำแหน่งยังส่วนกลางในกระทรวงศึกษาธิการนั้น คณะครูในโรงเรียนมากกว่าครึ่งก็รู้สึกสบายใจและดีใจที่ต่อไปจะไม่ถูกสังคมภายนอกมองว่าโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นชื่อว่ามีการเรียกเก็บเงินหรือหากินจากผู้ปกครองหลายอย่าง ต่อไปจะไม่ถูกมองเช่นนั้นแล้ว แม้จะรู้ว่าพฤติกรรมของ ผอ.เป็นอย่างไร แต่ก็ไม่มีใครกล้าดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาเพราะไม่มีหลักฐานและเกรงจะถูกกลั่นแกล้งจาก ผอ. เนื่องจาก ผอ.มีความสนิทสนมกับนักการเมืองระดับชาติใน จ.อุตรดิตถ์ และข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จึงได้แต่เงียบ แม้จะไปอยู่ส่วนกลางแล้วแต่ก็ยังมีการชักใยผู้บริหารคนปัจจุบันอยู่

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สิ้นเดือนกันยายนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับอดีต ผอ.รายนี้ที่เข้าไปมีตำแหน่งในส่วนกลาง เพราะจะมีข้าราชการระดับสูงใน ศธ.เกษียณอายุราชการ จะต้องมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งไปด้วย อดีต ผอ.มีแผนจะเข้ามามีบทบาทในโรงเรียนตามเดิม ด้วยการให้ประธานกรรมการสถานศึกษาลาออกแล้วเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานสถานศึกษาแทน จนทำให้ครูในโรงเรียนจำนวนมากต่างวิตกกังวลใจว่ารูปแบบวิธีการขูดเลือดขูดเนื้อจากผู้ปกครองนักเรียนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ดังนั้นจึงอยากให้มีการสอบสวนหรือดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อล้างเรื่องและสิ่งที่ไม่ดีออกไปให้หมด นโยบายเรียนฟรีก็จะเป็นรูปธรรมขึ้นได้ เด็กนักเรียนที่เรียนดีแต่ไม่มีเงินก็จะได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น