บุรีรัมย์ - ผู้การตำรวจบุรีรัมย์เผยจากการตรวจสอบสำนวนคดีเพื่อนบ้านยิงสามียายวัย 62 ปีเสียชีวิตเมื่อ 20 ปีก่อน พบพนักงานสอบสวน สภ.ชำนิ ท้องที่เกิดเหตุสอบสวนพยานแวดล้อมทำสำนวนส่งอัยการตามกระบวนการขั้นตอน และจัดกำลังติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับเต็มที่แล้ว แต่หากคดีสิ้นสุดวันนี้ตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
วันนี้ (28 มิ.ย.) พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลจังหวัดนางรองได้ออกหมายจับ นายบัวพา พูนไธสง ผู้ต้องหา “ฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” หลังจาก นางสง่า แสนประเสริฐ อายุ 62 ปี และลูกชาย ได้ให้ทนายยื่นฟ้องต่อศาลให้ดำเนินคดีต่อ นายบัวพา ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายมน แสนประเสริฐ สามีนางสง่า เสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 28 มิ.ย. 2540 หรือเมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งศาลรับฟ้องเมื่อ 19 มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา และคดีจะหมดอายุความในวันนี้ 28 มิ.ย. 2560 นี้
โดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า หลังได้รับหมายศาลทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ก็ได้จัดกำลังชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัด และชุดสืบ สภ.ชำนิ ท้องที่เกิดเหตุออกติดตามตัวผู้ต้องหาตามสถานที่ต่างๆ ที่คาดว่าผู้ต้องหาจะหลบซ่อนตัวอย่างเต็มที่แล้ว แต่เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิดจึงไม่สามารถตามตัวผู้ต้องหามาส่งศาลได้ทัน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสำนวนคดีดังกล่าว พบว่าทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามกระบวนการ มีการตรวจสอบที่เกิดเหตุ สอบปากคำพยานแวดล้อมถึง 13 ปาก แต่เนื่องจากวันเกิดเหตุเป็นช่วงกลางคืนทำให้ไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ขณะก่อเหตุ มีเพียงพยานแวดล้อมเท่านั้น และหลังจับกุมตัวผู้ต้องหาได้เมื่อปี 2557 หลังหลบหนีมา 17 ปี ก็มีการส่งฝากขังตามขั้นตอน และสรุปสำนวนส่งอัยการแล้ว แต่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องเนื่องจากไม่มีประจักษ์พยานและหลักฐานที่ชี้ชัดได้ว่า นายบัวผา เป็นผู้กระทำผิดจริง
อย่างไรก็ตาม หากญาติผู้เสียชีวิตติดใจในการทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยื่นร้องที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดได้ จะรับเรื่องไว้และดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอน ส่วนกรณีที่วันนี้ครบกำหนดสิ้นสุดคดีหรือหมดอายุความ 20 ปีนั้น ทางตำรวจไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะสามารถกระทำอะไรได้ ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลเท่านั้น เนื่องจากตามกฎหมายกำหนดไว้ว่าคดีมีอายุความ 20 ปีทางตำรวจก็ปฏิบัติตามนั้น
อนึ่ง คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2540 มีผู้ถูกกล่าวหา 2 คน คือ นายพนม (นามสมมติ) จำเลยที่ 1 และนายบัวพา จำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยที่ 1 ไม่ได้หลบหนีและต่อสู้คดีว่าไม่ได้มีส่วนร่วมก่อเหตุ กระทั่งศาลได้พิพากษายกฟ้อง แต่นายบัวพาได้หลบหนีไปต่างจังหวัดนานถึง 17 ปี แล้วถูกตำรวจจับกุมตัวได้เมื่อปี 2557 ตามหมายจับของศาลที่ จ.ระยอง จากนั้นถูกส่งตัวกลับมา สภ.ชำนิ ท้องที่เกิดเหตุ ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสืบสวนสอบสวน และส่งฝากขังที่ศาล 3 ครั้ง ต่อมาภรรยานายบัวพาได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาล และศาลพิจารณาให้ประกันตัว
จากนั้นได้สรุปสำนวนส่งอัยการ ซึ่งอัยการสั่งฟ้องและศาลมีคำสั่งยกฟ้องนายบัวพา จำเลยที่ 2 จากนั้นนายบัวพาออกมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านตามปกติ
กระทั่งเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา ทางครอบครัวได้ให้ทนายยื่นฟ้องต่อศาลอีกครั้ง และศาลรับฟ้องพร้อมนัดไต่สวนจำเลยในวันที่ 23 มิ.ย. แต่จำเลยหลบหนีไม่มาตามนัด ศาลจึงออกหมายจับ แต่หากไม่สามารถจับกุมตัวมาส่งศาลได้ทันวันนี้ 28 มิ.ย. 2560 ซึ่งเป็นวัดสุดท้าย คดีจะหมดอายุความ