กาฬสินธุ์ - ฆาตกรรมโหดชิงทรัพย์เจ้าอาวาสสายธรรมยุตกาฬสินธุ์ ตายจมกองเลือดภายในกุฏิวัด เผยชาวบ้านเตรียมจะถวายภัตตาหารเช้า แต่ไม่เห็นพระเลยตามหาพบนอนมรณภาพภายในกุฏิ คาดเป็นวัยรุ่นบุกเข้าทำร้ายอย่างทรมานก่อนฆ่าปิดปากด้วยการใช้มีด ขณะที่ตำรวจเร่งส่งสายสืบลุยคลายปมฆาตกรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 มิ.ย.) เวลา 08.30 น. พ.ต.ต.วิชิต วรรณพฤกษ์ พนักงานสอบสวน สภ.กุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านตำบลเหล่าใหญ่ว่า มีเหตุฆาตกรรมเจ้าอาวาสวัดป่าภูหินกอง ต.เหล่าใหญ่ อ.กุฉินารายณ์ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ประสิทธิ์ จำปาทุม ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ ทีมแพทย์ชันสูตรโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ไปที่เกิดเหตุ
ภายในวัด
ซึ่งเป็นวัดป่า มีศาลาการเปรียญหนึ่งหลังและกุฏิ 2 หลัง และในกุฏิเจ้าอาวาสด้านทิศตะวันออก เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพ พระสุรนาถ ยิ่งดี หรือหลวงพี่เฟส อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ นอนมรณภาพในลักษณะนอนตะแคงขวาจมกองเลือด บริเวณใบหน้า ร่างกายมีรอยบาดแผลคล้ายโดนของมีคม
นอกจากนี้ยังมีร่องรอยการรื้อค้นกระจัดกระจาย โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการกันพื้นที่เพื่อเก็บรอยนิ้วมือแฝงเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า พระสุรนาถ ยิ่งดี หรือหลวงพี่เฟส ได้เข้ามาอยู่ที่วัดป่าแห่งนี้ประมาณ 8 ปี และเป็นเจ้าอาวาสและพระรูปเดียวที่ดูแลวัดแห่งนี้ และในทุกวันญาติธรรมก็จะเข้าไปถวายภัตตาหารเช้าที่บริเวณศาลาการเปรียญ โดยในวันนี้ญาติธรรมก็เตรียมที่จะถวายภัตตาหารเช้าตามปกติ จนเลยเวลาก็ไม่เห็นพระออกมาจึงได้พากันเดินไปเรียกที่กุฏิสงฆ์ ก็ไม่มีเสียงตอบ
แต่เมื่อเดินไปดูที่บริเวณหน้าต่างก็พบพระสุรนาถมรณภาพแล้ว จึงได้โทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งก็ขอสาปแช่งคนที่ทำร้ายพระไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเพราะพระรูปนี้เป็นพระที่ชาวบ้านพากันเลื่อมใสศรัทธา
ด้าน พ.ต.อ.ประสิทธิ์ จำปาทุม ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รายงาน พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ให้ทราบเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ทำการกันพื้นที่เพื่อตรวจสอบร่องรอยนิ้วมือแฝงเพื่อเก็บเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งปมการตายคาดว่าอาจจะเป็นการฆ่าชิงทรัพย์เพราะมีร่องรอยการรื้อค้นภายในกุฏิ
อีกทั้งในเรื่องบาดแผลที่พบตามใบหน้าอาจจะมีการต่อสู้หรือใช้มีดกรีดตามใบหน้าอย่างทรมาน แต่ในเรื่องของประเด็นความขัดแย้งก็ยังคงต้องทำการสืบสวนก่อน ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสายสืบได้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกลุ่มวัยรุ่นภายในหมู่บ้าน
รวมไปถึงกลุ่มวัยรุ่นในระยะ 5 กิโลเมตร เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนเพื่อจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป