พระนครศรีอยุธยา - สำนักงานชลประทานที่ 10 ระดมสรรพกำลังกำจัดผักตบชวากว่า 1 หมื่นตัน เหนือเขื่อนพระราม 6 เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ เตรียมรองรับช่วงน้ำหลาก นายกกิ่งกาชาดอำเภอท่าเรือ ไอเดียเจ๋ง นำผักตบชวามาทำอาหารอร่อย
วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่บริเวณเหนือเขื่อนพระราม 6 อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา นายเรวัต ประสงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดกิจกรรมบูรณาการกำจัดผักตบชวาในแม่น้ำป่าสัก บริเวณเหนือเขื่อนพระราม 6 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ และเป็นการเตรียมพร้อมป้องกันอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยมี นายศักดิ์ศิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 ให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวรายงาน
ทั้งนี้ ทาง อ.ท่าเรือ นำโดย นางศศิธร ปิ่นนิกร นายกกิ่งกาชาดอำเภอท่าเรือ ยังนำผักตบชวามาประกอบอาหารด้วย ส่วนที่เรียกว่า ไหลผักตบ เป็นส่วนระหว่าง กกกับกก คล้ายๆ ไหลบัว แต่มีลักษณะหวานกรอบมากกว่า สามารถนำไปแกงคั่ว ส่วนใหญ่นิยมนำไปทำให้สุกก่อนรับประทาน ซึ่งหลายคนต่างชิมต่างบอกคำเดียวว่า อร่อย แนะนำเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถนำผักตบชวามาใช้ประโยชน์ มารับประทานได้ด้วย
นายศักดิ์ศิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 กล่าวว่า สำนักงานชลประทานที่ 10 ดูแลพื้นที่คลองส่งน้ำ และคลองระบายน้ำ จำนวนกว่า 300 สาย รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 3 พันกิโลเมตร ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็ได้มีการกำจัดผักตบชวา และวัชพืชในน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับต่อนโยบายของรัฐบาล ซึ่งวัชพืชเหล่านี้จะเป็นปัญหาต่อการระบายน้ำ ในวันนี้ได้บูรณาการกันจากหลายภาคส่วน ร่วมกันกำจัดผักตบชวาบริเวณเหนือเขื่อนพระราม 6 ซึ่งมีปริมาณกว่า 9,500 ตัน โดยได้นำเครื่องจักรขนาดใหญ่ และรถบรรทุก จำนวนกว่า 10 คัน เข้าดำเนินการกำจัดผักตบชวาในครั้งนี้ เบื้องต้น คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 8 วัน จึงจะดำเนินการแล้วเสร็จ
“ตรงนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากเขื่อนพระราม 6 เป็นเขื่อนทดน้ำ ซึ่งทำหน้าที่ยกระดับน้ำเพื่อส่งน้ำเข้าไปยังคลองสายหลัก ตั้งแต่เขตจังหวัดสระบุรี ไปจนถึงปทุมธานี เมื่อเรากำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำออกไปแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีศักยภาพในการระบายน้ำ เราต้องเตรียมการไว้ ซึ่งเราก็ไม่คาดว่าอุทกภัยจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม เราสนองรับนโยบายของรัฐบาล และเราก็เตรียมการเผื่อมีอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้”
นายศักดิ์ศิริ อยู่สุข กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการกำจัดผักตบชวาในช่วงต่อไปนั้นก็มีอยู่หลายจุด เบื้องต้น จะเร่งดำเนินการกำจัดในบริเวณแม่น้ำลำคลองสายหลัก ซึ่งเป็นจุดที่มีความสำคัญ มีปริมาณผักตบเป็นจำนวนมาก และอาจส่งผลกระทบต่อหลายๆ ด้าน เช่น บ้านเรือนประชาชน พื้นที่เพาะปลูก พื้นที่เศรษฐกิจ และเขตพื้นที่อุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ช่วยกันดูแล และกำจัดวัชพืชตามหน้าบ้านของตนเองด้วย เพราะหากได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายแล้ว ก็จะช่วยลดปัญหาต่างๆ และไม่ต้องพึ่งพาเครื่องจักรขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานเป็นจำนวนมากอีกด้วย