ชาว อ.นาคูร้องศูนย์ดำรงธรรม ถูกโรงงานมะเขือเทศเอาเปรียบ

กาฬสินธุ์ - เกษตรกรอำเภอนาคูเดือดร้อนหนัก หลังบริษัทแปรรูปมะเขือเทศชื่อดังส่งเสริมปลูก แต่ขายแล้วกลับขาดทุน เผยลงทุนรายละเกือบหมื่นแต่ขายผลผลิตหน้าโรงงานถูกหักจนขาดทุน โร่ร้องศูนย์ดำรงธรรม อ.นาคูช่วยไกล่เกลี่ย ด้าน “บำรุง” ชี้นายทุนเอาเปรียบเกษตรกร หากไม่ได้รับการแก้ไขพร้อมเคลื่อนไหว

วันนี้ (7 มิ.ย. 60) ที่ห้องไกล่เกลี่ยศูนย์ดำรงธรรม อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ นายนิจ ไพรสณฑ์ นายอำเภอนาคู มอบหมายให้นายโกศล นนทารักษ์ ปลัดอาวุโส เป็นประธานไกล่เกลี่ยปัญหาร้องเรียนระหว่างเกษตรกรชาวบ้านพื้นที่ ต.โนนนาจาน และ ต.ภูแล่นช้าง อ.นาคู กับบริษัทไทยชุนฟู้ดส์ จำกัด ที่มีนายมานพ วันชม ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมเกษตรกร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นตัวแทนเข้ารับฟังปัญหาและร่วมไกล่เกลี่ย

พร้อมด้วยนายบำรุง คะโยธา อดีตแกนนำสมัชชาคนจน ในฐานะกรรมการศูนย์แลกเปลี่ยนชาวนาเอเชีย ผู้นำเกษตรอินทรีย์ อ.นาคู ร่วมรับฟังปัญหาความเดือดร้อน ซึ่งชาวบ้านได้ร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนาคู เนื่องจากลงทุนปลูกมะเขือเทศกับบริษัทไทยชุนฟู้ดส์ จำกัด แล้วไม่ได้รับเงินตอบแทน

นางสนั่น พลวิชัย อายุ 57 ปี กล่าวว่า ได้ร่วมปลูกมะเขือเทศกับบริษัทไทยชุนฟู้ดส์ จำกัด เป็นปีที่ 2 บริษัทเข้ามาส่งเสริมปลูกพืชฤดูแล้ง ปีแรกไม่มีปัญหา พอได้กำไรกว่าหมื่นบาท แต่มาปีนี้กลับเกิดปัญหาทั้งที่ลงทุนกับบริษัทเหมือนเดิม ซื้อเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยและสารเคมีทุกอย่าง รวมถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิตและส่งจำหน่ายให้บริษัทฯ

ความผิดปกติอยู่ที่การขายคืนผลผลิตให้เกษตรกรจากราคารับประกันที่ 2.35 บาท แต่เงินที่ได้ถ้าเทียบกับผลผลิตที่ส่งเข้าบริษัทหักต้นทุนจากการซื้อผลิตภัณฑ์แล้ว บางรายเหลือเงินเพียง 400 กว่าบาท บางรายยังไม่ได้รับเงินจากบริษัท เกษตรกรยอมเป็นหนี้เกือบหมื่นบาทต่อคนลงทุนซื้อเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย เพื่อลงทุนปลูกมะเขือเทศและส่งจำหน่ายคืนให้บริษัท อีกทั้งการอ้างของบริษัทฯ ต้องหักผลผลิตที่เสียหายจำนวนมาก ทำให้รายได้เกษตรกรหายไป ปริมาณที่รับซื้อจากไร่กับที่ไปชั่งหน้าโรงงานมีปริมาณไม่เท่ากัน

ด้านนายโกศล นนทารักษ์ ปลัดอาวุโส ประธานไกล่เกลี่ยและรับฟังปัญหาความเดือดร้อน กล่าวว่า กรณีที่ชาวบ้านมาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งบริษัท ไทยชุนฟู้ดส์ จำกัด เข้ามาส่งเสริมเกษตรกรผ่านผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยส่วนราชการไม่ได้รับรู้และผู้กำกับดูแล มาส่งเสริมตั้งแต่ปี 2558 ปลูกมะเขือเทศส่งโรงงาน เพื่อทำน้ำผักผลไม้กระป๋องส่งจำหน่าย ปัญหาคือไม่ได้รับเงินจากการจำหน่ายผลผลิต ทั้งที่ทำสัญญาและรับประกันราคาสินค้า

บริษัทฯ อ้างความเสียหายของผลผลิต ทำให้เกษตรกรบางรายได้รับเงินน้อย หรือไม่ได้รับเลยเพราะหักต้นทุนซื้อเมล็ดพันธุ์ และปุ๋ยกับบริษัทฯ ระบุให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต้องซื้อทุกคน จากการสอบถามตัวแทนบริษัทฯ ที่เป็นฝ่ายส่งเสริมระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าสาเหตุที่เกษตรกรได้รับเงินน้อยมาจากปริมาณผลผลิตที่หายไปเฉลี่ยรายละ 1-3 ตัน ปริมาณที่รับซื้อกับเกษตรกรจากไร่และปริมาณผลผลิตที่หน้าโรงงานไม่ตรงกัน เบื้องต้นศูนย์ดำรงธรรม อ.นาคู ได้ให้ตัวแทนบริษัทฯ นำข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้นไปหาทางเยียวยาให้กับเกษตรกร ภายในสิ้นเดือนนี้จะต้องมีคำตอบให้ชาวบ้าน

ด้านนายบำรุง คะโยธา กล่าวว่า เงื่อนไขบริษัทฯ สร้างมาเพื่อเอาเปรียบเกษตรกร เพราะมะเขือเทศที่รับไปจากเกษตรกรมีคุณภาพดี แต่เมื่อไปถึงโรงงานกลับบอกว่า เน่าเสียจำนวนมาก และไม่มีความรับผิดชอบจากบริษัท เช่นในรายนางวิเชียร ทรัพย์พงษ์ มีผลผลิตส่งเข้าโรงงานชั่งจากไร่กว่า 9 ตัน แต่ตัวเลขจ่ายเงินจากทางโรงงานเหลือแค่ 5 ตัน หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือเงินเพียง 400 บาท ลงทุนลงแรงมา 3 เดือน เป็นเรื่องบอบช้ำต่อเกษตรกรมาก ขณะที่ อ.นาคู ได้ผลักดันเรื่องเกษตรอินทรีย์มาโดยตลอด แต่ดูจากรายการสินค้าที่ให้เกษตรกรซื้อมามีแต่สารเคมี สิ่งนี้ถือว่าผิดวัตถุประสงค์

ฝากถึงเกษตรกรให้น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่มาประยุกต์ใช้ดีที่สุด เพราะทำให้เรามีอยู่มีกิน และมีรายได้ทุกวัน ปัญหาที่เกิดขึ้นรัฐบาล ส่วนราชการต้องมาช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน แม้ครั้งนี้จะไม่ผ่านส่วนราชการ ภาครัฐต้องเข้ามากำกับดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น หากผลเจรจาไม่เป็นผลและชาวบ้านไม่ได้รับการเยียวยา จะมี 2 แนวทางขับเคลื่อนคือเรียกร้องให้บริษัทฯ ออกมารับผิดชอบ และการอาศัยกฎหมายต่อไป