พิษณุโลก - หนุ่มเมืองกำแพงเพชรดวดเบียร์มา 3 ขวด เมาแล้วขับไปเยี่ยมแม่แฟนเก่า ซิ่งรถกระบะหนีตำรวจสายตรวจโรงพักเมืองสองแคว ฝ่าไฟแดงชนกับกระบะอีกคันหมุนฟาดตำรวจดับคาที่ 1 เจ็บสาหัสอีก 1 ก่อนร่ำไห้สารภาพ-สำนึกผิดทั้งน้ำตา
วันนี้ (6 มิ.ย.) ร.ต.อ.นิพนธ์ สุทธหลวง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถกระบะเสียหลักชนกับรถจักรยานยนต์ของตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย บนถนนเส้นพิษณุโลก-อุตรดิตถ์ (ขาล่อง) บริเวณกลางสี่แยกอินโดจีน หมู่ 8 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อ 02.30 น.ที่ผ่านมา
หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก, แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ แบบตอนเดียวเสริมคอกท้ายรถ สีบรอนซ์-เงิน ทะเบียน บท 6414 น่าน มีร่องรอยเฉี่ยวชนที่หน้ารถฝั่งขวา และข้างรถฝั่งซ้ายเสียหายยับเยิน โดยมีนายธนา พงศ์ภัคธนากร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 6 ต.นาไร่หลวง อ.สองแคว จ.น่าน เจ้าของรถ ยืนรอให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีบีอาร์ 300 สีน้ำตาล ทะเบียนตราโล่ 25795 สภาพล้มคว่ำพังยับเป็นเศษเหล็ก ชิ้นส่วนอุปกรณ์รถแตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน
และพบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ ส.ต.ต.ศราวุธ จันโส อายุ 29 ปี ผบ.หมู่ (ป.) ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก สภาพศพสวมชุดสีกากีแบบเต็มยศมีบาดแผลฉีกขาดฉกรรจ์ ศีรษะมันสมองไหล กระดูกตามร่างกายหักหลายแห่ง นอนตะแคงข้างจมกองเลือดอย่างน่าสยดสยอง
นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ ส.ต.ต.กันตพัฒน์ ศัลยพงษ์ อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดเดียวกัน มีบาดแผลถลอกฟกช้ำตามร่างกาย ไหปลาร้าหัก สมองได้รับการกระทบกระเทือน เลือดไหลออกทางจมูกอาการสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือนำตัวส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลกรุงเทพ-พิษณุโลก ไปก่อนหน้านี้
และบริเวณอีกฝั่งถนน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ แบบ 4 ประตู สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพแต่งซิ่งเสียหลักตกลงไปอยู่ในพงหญ้าข้างทาง พร้อมกับควบคุมตัวคนขับเอาไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายอิทธิภูมิ ภูพัด อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 176/4 หมู่ 2 ต.นาบ่อคำ อ.เมืองกำแพงเพชร สภาพร้องไห้ฟูมฟายหน้าตาแดงก่ำมีกลิ่นสุราเหม็นคลุ้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นภายในรถคันดังกล่าวไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวนายอิทธิภูมิไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ และสอบปากคำที่ สภ.เมืองพิษณุโลก
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ช่วงเวลา 00.05 น. ของวันที่ 6 มิ.ย. ก่อนเกิดเหตุ ส.ต.ต.ศราวุธ จันโส ผู้เสียชีวิต พร้อมกับ ส.ต.ต.กันตพัฒน์ ศัลยพงษ์ ผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้มาเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจร่วมกันตามปกติ และรับแจ้งทางวิทยุสื่อสารว่าให้สกัดจับรถกระบะต้องสงสัย
กระทั่งพบรถคันดังกล่าวขับอยู่บนถนนเส้นมิตรภาพ มุ่งหน้าสี่แยกอินโดจีน ส.ต.ต.ศราวุธจึงขับขี่มอเตอร์ไซค์คันเกิดเหตุ โดยมี ส.ต.ต.กันตพัฒน์นั่งซ้อนท้าย จึงไล่ติดตามเป็นระยะทางกว่า 8 กม. ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ประกบ พร้อมส่งสัญญาณให้หยุดรถ
แต่คนขับรถกระบะ คือ นายอิทธิภูมิ ภูพัด ก็ไม่ยอมจอดแต่โดยดี ทั้งยังเหยียบคันเร่งหลบหนี จนมาถึงยังจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นสี่แยกไฟแดง นายอิทธิภูมิได้เร่งเครื่องฝ่าสัญญาณไฟแดงก่อนชนกับรถกระบะของนายนายธนา พงศ์ภัคธนากร ชาว จ.น่าน ที่เพิ่งขับออกจากสัญญาณไฟเขียวกลางสี่แยกพอดี ส่งผลให้รถกระบะหมุนฟาดกับรถจักรยานยนต์ของตำรวจทั้งสองนายจนเสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว ส่วนรถกระบะคันต้นเหตุ (นายอิทธิภูมิ) เสียหลักเสยกับเกาะกลางถนนพุ่งตกลงไปในป่าหญ้าข้างทาง
นายอิทธิภูมิให้การรับสารภาพทั้งน้ำตาว่า ขับรถเดินทางมาจากกำแพงเพชรเพื่อมาเยี่ยมแม่ของแฟนเก่าที่ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก โดยดื่มเบียร์มา 3 ขวด เมื่อขับถึงพิษณุโลกก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตาม ตนตกใจกลัวจะถูกจับตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเพราะมึนเมาขณะขับขี่ แถมรถกระบะที่เพิ่งซื้อมาใหม่ได้เพียง 3 สัปดาห์ก็ยังไม่มีป้ายทะเบียน จึงกลัวถูกจับปรับดำเนินคดี เลยตัดสินใจขับรถหลบหนีตำรวจแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น พร้อมกับกล่าวขอโทษสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไปจนตำรวจเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และขับรถในขณะเมาสุราเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่หลังเกิดเหตุมีเพื่อนตำรวจและผู้บังคับบัญชาของผู้เสียชีวิตทราบข่าวได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุจำนวนมาก ต่างรู้สึกโศกเศร้าเสียใจที่ต้องสูญเสีย ส.ต.ต.ศราวุธ จันโส ตำรวจหนุ่มไฟแรงที่เพิ่งเข้ารับราชการตำรวจเพียง 2 ปีเท่านั้น หลังเรียนจบโรงเรียนนักเรียนนายสิบตำรวจ รุ่น 5 ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 6 นครสวรรค์ ซึ่งยังมีอนาคตในหน้าที่การงานอีกยาวไกล และเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานอีกด้วย โดยก่อนหน้าเสียชีวิตก็สามารถปฏิบัติหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาค้ายาบ้าจำนวน 500 เม็ด
และหลังจากนี้ทางผู้บังคับบัญชาจะแจ้งไปยังตำรวจภูธรภาค 6 เพื่อพิจารณาให้การช่วยเหลือในเรื่องสวัสดิการต่างๆ พร้อมจะติดต่อไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตให้มารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป