นครปฐม - รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่ เพื่อกำหนดมาตรการเพิ่มมากขึ้น หลังเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 6 คน ภายในวันเดียว ทำสถิติดับแล้ว 8 ราย
วันนี้ (2 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนครปฐม นายสมบูรณ์ ศิริเวช รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่ พร้อมด้วย นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ รองผู้ราชการจังหวัดนครปฐม หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมในครั้งนี้ ซึ่งมีการประชุมร่วมกับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อรับทราบข้อสั่งการและแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
นายสมบูรณ์ ศิริเวช รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้สรุปผลของการรณรงค์ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ของวันที่ 1 มกราคม 2560 ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการรณรงค์ เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 18 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 15 คน และเสียชีวิต 6 คน โดยสรุปในภาพรวมทั้ง 4 วัน จังหวัดนครปฐม เกิดอุบัติเหตุรวมทั้งสิ้น 48 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 51 คน และเสียชีวิต 8 คน
ซึ่งสาเหตุเกิดจากขับรถเร็วเกิดกำหนด เมาสุรา และตัดหน้ากระชั้นชิด ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ และรถกระบะ โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติงานบริเวณจุดตรวจ จุดบริการประชาชน รวมทั้งด่านชุมชนในพื้นที่อำเภอต่างๆ เข้มงวดต่อผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มมากขึ้น
พร้อมบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด อีกทั้งกวดขันวินัยจราจร ตรวจเข้มกับผู้ฝ่าฝืนกฎจราจร การขับรถย้อนศร เมาสุรา ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะผู้ที่ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์แล้วไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต
วันเดียวกัน นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้สั่งการเข้มโดยเน้นในช่วงวันที่ 2-3 มกราคม 2560 คาดว่าจะมีประชาชนเป็นจำนวนมากเดินทางกลับจากภูมิลำเนา และจากการท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานครเพื่อทำงานตามปกติ ส่งผลให้การจราจรบนถนนสายต่างๆ มีความหนาแน่น ประกอบกับผู้ขับขี่อาจมีอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ จุดบริการประชาชน ปฏิบัติงานอย่างเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายในข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด เนื่องจากเป็นสาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุอันดับต้นๆ
รองลงมาคือ ขับรถขณะเมาสุรา และการตัดหน้ากระชั้นชิด โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเน้นหนักทั้งถนนสายหลัก และสายรอง อีกทั้งให้เข้มงวด และควบคุมพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท และรถรับจ้างไม่ประจำทาง จะต้องมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเป็นศูนย์ และต้องมีพนักงานขับรถ 2 คน ผลัดเปลี่ยนในระยะทางทุก 400 กิโลเมตร เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหมู่ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
