ระยอง - รองนายกรัฐมนตรี ร่วมในพิธี ลงนามแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยแบบครบวงจร ระหว่าง อบจ.ระยอง กับ บ.GPSC แปลงขยะมูลฝอยเป็นพลังงาน แก้ปัญหาขยะล้นเมืองระยอง
วันนี้ (28 ธ.ค.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีลงนามสัญญาระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ระยอง กับบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอรี่ จำกัด (มหาชน) ดำเนินโครงการบริหารจัดการขยะครบวงจรของ จ.ระยอง โดยการแปลงขยะเป็นเชื้อเพลิง ในการแก้ไขปัญหาขยะที่เพิ่มปริมาณมากขึ้นใน จ.ระยอง ที่ศูนย์บริหารจัดการขยะแบบครบวงจร อบจ.ระยอง ต.ทับมา อ.เมืองระยอง โดยมี นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง นายเติมชัย บุนนาค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอลเพาเวอร์ ซินเนอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ลงนามในสัญญา เพื่อพัฒนาระบบการจัดการขยะมูลฝอยไปสู่เทคโนโลยีการแปลงขยะมูลฝอยเป็นพลังงาน (Waste To Energy)
ซึ่งเป็นกลไกในการพัฒนาพลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน จ.ระยอง ในการแก้ปัญหาขยะที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ จ.ระยอง โดยการนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง เป็นการสนองนโยบายรัฐบาล และสอดคล้องการจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัด และเป็นการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ “ประเทศไทย ไร้ขยะ”
ทั้งนี้ นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง กล่าวว่า โครงการบริหารจัดการขยะแบบครบวงจรของ จ.ระยอง (แปลงเป็นเชื้อเพลิง) เป็นโครงการต่อยอดจากการดำเนินการของศูนย์ขยะมูลฝอยของจังหวัด ที่ อบจ.ระยอง มีหน้าที่ในการรวบรวมขยะจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน จ.ระยอง ส่งให้บริษัท GPSC ปริมาณวันละ 500 ตัน
โดยบริษัท GPSC จะใช้เทคโนโลยีคัดแยกขยะโดยแปลงเป็นเป็นเชื้อเพลิงแห้ง (ReFuse Derived Fuel (RDF)) ส่วนขยะสดจะแปลงเป็นเชื้อเพลิงแห้ง RDF ที่มีค่าความร้อนประมาณ 4,000 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรับ สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตไฟฟ้าและโรงปูนซีเมนต์ ส่วนขยะอินทรีย์ ทาง อบจ.ระยอง จะนำไปใช้ประโยชน์ในการผลิตสารปรับปรุงดิน สนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่
สำหรับเชื้อเพลิง RDF และขยะรีไซเคิลที่ได้เป็นของบริษัท GPSC คาดว่าจะสามารถผลิตได้ประมาณ 30-50% ของขยะสดที่เข้าสู่กระบวนการ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของขยะในแต่ละปี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสแรกของปี 2561 โดยโครงการนี้มีอายุสัญญาร่วมดำเนินงาน 22 ปี ตั้งแต่วันลงนาม
ด้าน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการนี้เป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาขยะแบบครบวงจร และมีรูปแบบที่มีประสิทธิภาพ เป็นไปตามแนวทางของรัฐบาล ต้องการวางยุทธศาสตร์ของ จ.ระยอง ให้เป็นพื้นที่รองรับการลงทุนที่สำคัญของประเทศ ตามนโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ในการขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 เป็นมิติแห่งความร่วมมือที่สำคัญระหว่างภาครัฐ และเอกชนในการดำเนินการปัญหาขยะด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและครบวงจร จนสามารถทำให้ขยะที่เกิดขึ้นสร้างมูลค่าทั้งในแง่เศรษฐกิจและการแลสิ่งแวดล้อมไปในคราวเดียวกัน