ศูนย์ข่าวศรีราชา- เปิดวิสัยทัศน์ และโครงการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการ ทลฉ.ปี 2560 -2561 เน้นยกระดับบริหารจัดการระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน รับการเป็นศูนย์กลางขนส่งทางน้ำและลอจิสติกส์เชื่อมโยงเศรษฐกิจไทยสู่อาเซียน และศูนย์กลางการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ และลอจิสติกส์ของอาเซียน คู่การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ชุมชนโดยรอบภายใต้ 3 ภารกิจหลัก 9 ยุทธศาสตร์สำคัญ
วันนี้ (28 ธ.ค.) ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ได้จัดให้มีการชี้แจ้งวิสัยทัศน์ และโครงการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการของท่าเรือแหลมฉบัง ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งประกอบด้วย ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ ผู้เช่าพื้นที่ ผู้ประกอบการขนส่ง สายการเดินเรือ หน่วยงานในพื้นที่ ชุมชนรอบท่าเรือฯ และสื่อมวลชน ณ อาคารสัมมนาท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อชี้แจงถึงแนวทางการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง นับจากปี 2560 เป็นต้นไป เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนร่วมได้เสนอความคิดเห็นในการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง โดยมี ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการการท่าเรือแหลมฉบัง เป็นผู้แสดงวิวิสัยทัศน์ และมีคณะผู้บริหาร ภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกว่า 200 คน
ร.ต.ต.มนตรี เผยว่า ท่าเรือแหลมฉบัง มีภารกิจสำคัญในการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำและลอจิสติกส์ เชื่อมโยงเศรษฐกิจไทยสู่อาเซียน ประกอบด้วย 3 ภารกิจหลัก และ 9 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ 1.ภารกิจในการขยายบริการท่าเรือและธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่อลอจิสติกส์ทางน้ำในประเทศ และในอาเซียน 2.การพัฒนาและบริการทรัพยากรต่างๆ ภายในองค์กรให้เกิดศักยภาพและขีดความสามารถให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ 3.เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการและยกระดับมาตรฐานในการให้บริการให้มีความทันสมัย มีธรรมาภิบาล และมีมาตรฐานสากล
ส่วนยุทธศาสตร์สำคัญ 9 ประการ ประกอบด้วย 1.การขยายบริการท่าเรือและธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องภายในประเทศ 2.ขยายบริการท่าเรือและธุรกิจใหม่ในภูมิภาคอาเซียน 3.ขยายความร่วมมือและพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในอาเซียน 4.ดำเนินการจัดตั้งหน่วยธุรกิจหรือบริษัทลูก เพื่อเอื้อต่อการดำเนินการธุรกิจในประเทศหรือต่างประเทศ 5.พัฒนาธุรกิจเพิ่มศักยภาพสินทรัพย์ (รวมเครื่องมือทุ่นแรง อุปกรณ์และเครื่องจักรต่างๆ) 6.พัฒนาและบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 7.พัฒนาและบริหารทรัพยากรบุคคล 8.เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการให้ทันสมัย และ 9.ยกระดับมาตรฐานทัดเทียมสากลและการบริหารที่มีธรรมาภิบาล โดยทั้ง 3 ภารกิจ และ 9 ยุทธศาสตร์สำคัญจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2560 และ 2561 ภายใต้งบประมาณกว่า 3 พันล้านบาท
“สำหรับแผนงานที่ดำเนินการแล้วคือ โครงการขยายช่องทางการจราจร ปรับปรุงเส้นทางการจราจร สะพานข้ามจุดต่างๆ สะพานกลับรถ ประตูตรวจสอบสินค้า โครงการท่าเรือชายฝั่งซึ่งได้ผู้รับเหมาเป็นเรียบร้อย และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2560 ขณะที่โครงการศูนย์ขนส่งสินค้าทางรถไฟที่ปัจจุบันขนส่งสินค้าได้ 4 แสนทีอียูต่อปี ก็จะเพิ่มเป็น 6 แสนทีอียูต่อปีในปีแรก และเพิ่มเป็น 1 ล้านทีอียูในปีต่อไป และมีโครงการท่าเรือเฟส 3 ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำประชาพิจารณ์ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย”
ขณะที่กิจกรรมเพื่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นในปี 2560-2561 นั้น ท่าเรือแหลมฉบัง มุ่งให้ความสำคัญต่อการสร้างความร่วมมือในประชาชน และชุมชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น การมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ นักเรียนเรียนไม่ดีแต่ขาดทุนทรัพย์ จัดสร้างห้องสมุด และจ้างครูสอนภาษาอังกฤษไปช่วยสอนตามโรงเรียนต่างๆ
“ส่วนโครงการพัฒนาพื้นที่ 55 ไร่ บริเวณวัดบางละมุงนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาร่วมกับชุมชน โดยจะเน้นการเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับออกกำลังกาย สันทนาการ และศูนย์จำหน่ายอาหารทะเลสดปรุงขาย เนื่องจากในพื้นที่มีเรือประมงเข้าออกจำนวนมาก และท่าเรือแหลมฉบัง ยังมีแผนจัดสร้างสำนักงานแห่งใหม่ บริเวณถนนสุขุมวิท ซึ่งจะเป็นอาคารสูง 14 ชั้น เพื่อให้เป็นศูนย์พบปะของเจ้าหน้าที่ท่าเรือฯ และผู้ประกอบการ ซึ่งจะมีทั้งห้องประชุม ห้องสัมมนา โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปี 2560 ใช้เวลาก่อสร้าง 700 วัน”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การแสดงวิสัยทัศน์ดังกล่าวยังเปิดโอกาสให้ประชาชนในชุมชนที่อยู่โดยรอบได้แสดงความคิดเห็น และเสนอแนวทางในการพัฒนาท่าเรือร่วมกัน ซึ่งบรรยากาศในการชี้แจ้งวิสัยทัศน์เป็นไปด้วยดี