งาน “กะลาโคมไฟวิถีพอเพียง” โรงเรียนนาคู จ.กาฬสินธุ์ พร้อมลงสนามแข่งระดับชาติ

กาฬสินธุ์ - โคมไฟฟ้ากะลาวิถีชีวิตพอเพียง สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ฝีมือเด็ก ม.ต้น โรงเรียนนาคูพัฒนา “กรป.กลางอุปถัมภ์” ประกาศจำหน่ายผลงานหาทุนสานฝัน ชิงแชมป์งานศิลปหัตถกรรมระดับประเทศ หลังได้รับตั๋วรองชนะเลิศอันดับ 2 ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านรอง ผอ.ฝ่ายวิชาการเผยแรงผลักดันสร้างสรรค์จากความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช



วันนี้ (20 ธ.ค.) ที่โรงเรียนนาคูพัฒนา “กรป.กลางอุปถัมภ์” อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ นายชูชัย ประทุมขันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ได้มอบหมายให้ นายสมพจน์ ตรัสศรี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการฯ ว่าที่ รท.เทิดศักดิ์ ขันมะจันทร์ ครูชำนาญการ ผู้สอนวิชาการงานช่าง การงานอาชีพและเทคโนโลยี เปิดโรงฝึกงานอุตสาหกรรมพยูงทองของโรงเรียนฯ ในการติดตามความพร้อมของทีมนักเรียนระดับ ม.ต้น หนึ่งในตัวแทนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภายหลังได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ในการแข่งขันการงานอาชีพ การแข่งขันประดิษฐ์ของใช้จากวัสดุธรรมชาติในท้องถิ่น

ด.ช.คมสันต์ เพียรภายลุน อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2/1 โรงเรียนนาคูพัฒนา “กรป.กลางอุปถัมภ์” หัวหน้าทีมโคมไฟฟ้ากะลาพอเพียง กล่าวว่า ได้เห็นจากรุ่นพี่ทำกันมามีความสนใจจึงสมัครเข้ามาร่วมเป็นทีมแข่งขัน ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้แข่งขันและได้ไปแข่งระดับชาติด้วย ดีใจมากที่จะได้พิสูจน์ฝีมือ แม้ว่าจะเป็นโรงเรียนที่อยู่ในชนบท แต่เราก็มีความมุ่งมั่นที่จะทำผลงานให้ดี ให้ได้รางวัลเหมือนกับรุ่นพี่ปีก่อนๆ ที่ได้ทำเอาไว้ ตอนนี้เหลือเวลาอยู่ไม่มาก

สิ่งที่อยากได้คืออุปกรณ์ที่ทันสมัยให้เท่าเทียมกับโรงเรียนอื่นๆ เพราะตอนนี้เราใช้ของเก่าที่ตกทอดจากรุ่นพี่มา ถึงแม้ว่ายังใช้ได้อยู่ก็อยากมีของใหม่บ้าง

“ความพร้อมที่จะไปแข่งขันระดับชาติ ทีมของผมมีความพร้อมมาก ในห้วงนี้หากมีเวลาว่างเมื่อไหร่จะมาฝึกซ้อมตลอด ไม่เอาเวลาไปทำอย่างอื่นเลย คิดว่าจะทุ่มเทให้กับงานตรงนี้ให้มากที่สุด” ด.ช.คมสันต์กล่าว และเล่าอีกว่า

ตนได้รับรู้เรื่องราวสมัยพ่อหลวงเสด็จฯ มาทรงเยี่ยมพสกนิกรชาว อ.นาคู สมัยปู่ย่าตายาย ถึงแม้ว่าจะยังไม่เกิด แต่รับรู้เรื่องราวมาโดยตลอด โดยเฉพาะที่โรงเรียน ครั้งนั้นพระองค์ท่านก็เสด็จฯ มา สิ่งนี้เองที่ทำให้พวกเราชาวนาคูตระหนักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้น้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริถ่ายทอดเป็นเรื่องราวและงานฝีมือ ที่ใช้ชื่อว่าโคมไฟฟ้ากะลาวิถีชีวิตพอเพียง เป็นสื่อทางสัญลักษณ์ที่เราจะยึดมั่นและสานต่อในพระราชปณิธานของพระองค์ท่านตลอดไป

นายสมพจน์ ตรัสศรี รองผู้อำนวยการฯ กล่าวว่า ผลงานของเด็กนักเรียนเริ่มส่งไปแข่งขันในระดับต่างๆ มาตั้งแต่ปี 2553 โดยทุกๆ ปีจะได้รับรางวัลระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และระดับประเทศมามากมาย รวมถึงความสนใจงานจากผู้ที่นิยมงานแฮนด์เมดขอซื้อไปมากพอสมควร โดยไอเดียของชิ้นงานมีแรงบันดาลใจจากคำสอนของพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ ในเรื่องวิถีความพอเพียง จึงได้ปรับประยุกต์ใช้และถ่ายทอดผ่านงานฝีมือ เป็นผลิตภัณฑ์โคมไฟฟ้ากะลาวิถีพอเพียง ที่มีตอไม้ รากไม้ กิ่งไม้ ท่อนไม้ และกะลาที่หาเก็บได้จากหัวไร่ปลายนา ใช้ประดิษฐ์เป็นโคมไฟฟ้าที่มีความสวยงามด้วยรูปทรงนาคปรก ผสานความเป็นวิถีอีสาน และบอกเล่าเรื่องราวบนกะลาที่ปรุเป็นภาพที่มีความหมายโดยเฉพาะพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ในปี 2553 เป็นตัวแทนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้แชมป์ระดับประเทศ และปีต่อๆ มาก็ได้รับเหรียญทองระดับประเทศมาโดยตลอด นอกจากนี้ ในความนิยมงานศิลปะมีผู้ติดต่อขอซื้อทางโรงเรียนก็จำหน่าย โดยนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอามาไว้เป็นทุน กระแสตอบรับผลิตภัณฑ์ถือว่าดีมาก เอาไปวางขายเท่าไหร่ก็หมด ทางโรงเรียนก็ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด

เพราะเด็กมีความชอบ มีแรงบันดาลใจจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง ถ่ายทอดกันไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ ในชุมชนก็ยังให้ความชื่นชม และนำเอาเศษวัสดุเหลือใช้มามอบแก่นักเรียนเพื่อใช้ฝึกฝีมือและเตรียมไปแข่งขันระดับประเทศ ถือว่ามีส่วนร่วมกันทุกฝ่าย

ด้านว่าที่ ร.ท.เทิดศักดิ์ ขันมะจันทร์ ครูชำนาญการ ผู้ควบคุม กล่าวว่า ในปีนี้ครูและนักเรียนได้มีความเห็นตรงกันที่จะถ่ายทอดพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รูปภาพจากเรื่องพระมหาชนก เพื่อน้อมนำเอาแนวพระราชดำริ ทั้งยังได้ประยุกต์เอาลายกนก ลายไทย มาประกอบที่จะเพิ่มความเป็นไทยและความวิจิตรสวยงามมากยิ่งขึ้น ส่วนเครื่องมือที่เป็นที่ใช้ในการประดิษฐ์เป็นเครื่องมืออุตสาหกรรมขนาดเล็ก

เช่น สว่านแท่น สว่านมือ เครื่องขัดไม้ เลื่อยวงเดือน และอุปกรณ์ช่างต่างๆ โดยผลงาน 1 ชิ้นจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการทำทุกขั้นตอน

ว่าที่ ร.ท.เทิดศักดิ์บอกอีกว่า ในทุกๆ วันจะใช้ช่วงลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ หลังเลิกเรียน หรือเวลาว่างของนักเรียนมาฝึกซ้อมในทุกขั้นตอน จับเวลาตามเกณฑ์ ทั้งหมดนี้ยังเป็นอาชีพติดตัวสำหรับนักเรียนในอนาคตเมื่อจบการศึกษาไป และมีศิษย์เก่าหลายรุ่นที่นำไปเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ เป็นการต่อยอดจากโรงเรียนสู่อาชีพในชุมชน อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ที่ทางโรงเรียนมีอยู่อาจจะไม่เพียงพอ

“จึงมีความคิดที่จะขายผลงานของนักเรียนที่มีอยู่กว่า 10 ชิ้นในตอนนี้เพื่อระดมทุนในการซื้ออุปกรณ์อีกชุดให้เพียงพอ และเป็นทุนที่จะเดินทางไปแข่งขันระดับประเทศ โดยผลงานของนักเรียนที่จะจำหน่ายในราคาเป็นกันเอง เริ่มต้นที่ 3,000 บาทเท่านั้น” ครูผู้ควบคุมกล่าว