ราชบุรี - ตำรวจราชบุรี คุมตัวหนุ่มโรงงานแห่งหนึ่งในอำเภอโพธาราม ที่ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์บริษัทให้บริการเงินด่วน จัดไฟแนนซ์รถจักรยานยนต์มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังติดตามจับกุมตัวได้ เผยผู้ต้องหาได้ก่อเหตุมาแล้วถึง 3 แห่ง
เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (16 ธ.ค.) พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย พ.ต.อ.อานุภาพ ศรีนวล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี พ.ต.อ.นภดล รุ่งสาคร ผกก.สภ.โพธาราม และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้นำตัวนายธเนตร วรสหวัฒน์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 355 หมู่ 1 ต.ท่าชุมพล อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พนักงานโรงงานแห่งหนึ่งใน อ.โพธาราม ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดราชบุรี คดีที่ จ.479/2559 ในข้อหาชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยพาไปชี้จุดที่ผู้ต้องหานำหมวกกันน็อก และรองเท้าแตะมาเก็บไว้ที่บ้านของตัวเอง หลังจากใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์บริษัท MC ลิสซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการเงินด่วน จัดไฟแนนซ์รถจักรยานยนต์ เมื่อวันที่ 14 พ.ย.59 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังให้ผู้ต้องแสดงวิธีปลอมแปลงเลขทะเบียนรถเพื่อหลอกสายตาผู้ที่พบเห็นเพื่อหนีการจับกุม โดยใช้ปากกาเมจิกสีดำเขียนเลขทะเบียนรถเพิ่มเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเลข เพื่อทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ยาก หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาไปชี้จุดที่ทำการจี้ชิงทรัพย์ในบริษัท MC ลิสซิ่ง จำกัด ซึ่งตั้งอยู่หมู่ 4 ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อประกอบคำรับสารภาพ
พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยว่า นายธเนตร เคยเป็นพนักงานของบริษัทที่ให้บริการจัดไฟแนนซ์รถมาก่อน และถูกจับในข้อหายักยอกทรัพย์ เมื่อปี 2557 และออกมาทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งใน อ.โพธาราม และเมื่อวันที่ 27 ต.ค.59 ได้เข้าไปก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ที่บริษัท MC ลิสซิ่ง จำกัด สาขาราชบุรี ได้เงินสดไป 1,000 บาท พร้อมโทรศัพท์ และเมื่อวันที่ 14 พ.ย.59 ได้ไปจี้ชิงเงินบริษัท MC ลิสซิ่ง จำกัด สาขาบ้านสิงห์ อ.โพธาราม ได้เงินสดไป 3,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.59 ที่ผ่านมา ได้ไปจี้ชิงเงินสดที่บริษัท MC ลิสซิ่ง จำกัด สาขานครปฐม ได้เงินสดไป 40,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และทุกครั้งที่ นายธเนตร ก่อเหตุเสร็จแล้วจะนำหมวกกันน็อก กับเสื้อแจ็กเกตที่ใส่ไปทิ้ง รวมทั้งทำการลบเลขทะเบียนที่เขียนเพิ่มเข้าไปออก ก่อนจะกลับเข้าไปทำงานในโรงงานตามปกติ ทำให้การติดตามตัวของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างยาก แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามจับกุมตัวมาได้ โดยดูทั้งจากกล้องวงจรปิด และจากรูปพรรณสัณฐาน จนทำให้รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร จึงได้ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลราชบุรี และไปติดตามจับกุมได้ดังกล่าว