xs
xsm
sm
md
lg

ตร.สอบปากคำแล้ว 10 นศ.พยานคดีรุมทำร้ายลูกชาย ผบ.มทบ.38 ได้ข้อมูลใหม่เป็นประโยชน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เผยคืบหน้าคดีรุมทำร้ายลูกชาย ผบ.มทบ.38 ที่ “มาลิน สกาย” สอบปากคำพยานที่เป็นกลุ่มนักศึกษาที่อยู่ในร้าน 10 ปาก ระบุเห็นเหตุการณ์และได้ยินมากกว่าที่ผู้เสียหายบอกไปก่อนหน้านี้ เป็นประโยชน์ต่อการทำคดีมาก เหลือเชิญดารานักแสดงที่เหลือ 9 คนเข้าให้ปากคำ ย้ำ จนท.ทำงานอย่างเต็มที่ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ยืนยันพ่อผู้เสียหายไม่เคยเร่งรัดกดดันใดๆ

ความคืบหน้าคดีที่ “บอล กฤษณะ อมิตรสูญ” แฟนของดาราสาว “อุ้ม ลักขณา” พร้อมลูกน้องอีก 3 คน ตกเป็นผู้ต้องหาในเหตุรุมทำร้ายลูกชายผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 จังหวัดน่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่ร้าน “มาลิน สกาย” ในตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย. 59 นั้น

วันนี้ (8 ธ.ค. 59) พล.ต.ต.พิทยา ศิริรักษ์ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานที่เป็นกลุ่มนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์เพิ่มอีก 10 ปาก นอกเหนือจากพยานที่สอบไปแล้ว 26 ปาก รวมเป็น 36 ปาก เบื้องต้นจากการให้ปากคำของพยานที่เป็นกลุ่มนักศึกษาพบว่าเห็นเหตุการณ์ และได้ยินข้อมูลมากกว่าที่ผู้เสียหายได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนไว้ก่อนหน้านี้ และเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก

สำหรับกลุ่มดารานักแสดงที่อยู่ในร้านในคืนวันเกิดเหตุนั้น ได้เข้าให้ปากคำในฐานะพยานแล้ว 2 คน คือ “อุ้ม ลักขณา” และ “หมาก ปริญ” จากทั้งหมด 11 คน โดยเบื้องต้นดารานักแสดงทั้ง 2 คนที่เข้าให้ปากคำในฐานะพยานให้การแต่เพียงว่า ไม่เห็นเหตุการณ์และไม่ได้ยินเสียง เพราะโต๊ะที่นั่งอยู่อยู่ไกลจากห้องน้ำและเสียงเพลงดัง ขณะที่ดารานักแสดงที่เหลืออีก 9 คนจะขอความร่วมมือเชิญตัวมาให้ปากคำในฐานะพยานในลำดับต่อไป

ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าเวลานี้ “บอล กฤษณะ” พร้อมพวกผู้ต้องหาหลบไปเก็บตัวเงียบอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต หลังจากที่ได้รับการประกันตัวนั้น พล.ต.ต.พิทยากล่าวว่า เมื่อได้รับประกันตัวแล้วผู้ต้องหาสามารถไปอยู่ที่ใดก็ได้หากปฏิบัติตามเงื่อนไขการได้รับประกันตัว ที่ห้ามออกนอกราชอาณาจักรและต้องมารายงานตัวต่อศาลเมื่อครบกำหนด 12 วัน โดยหากไม่เข้ารายงานตัวจะถูกยึดหลักทรัพย์การประกันตัวและออกหมายจับอีกครั้ง ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยติดตามประกบตัวผู้ต้องหาแต่อย่างใด

นอกจากนี้ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ย้ำว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีนี้อย่างเต็มที่ตามขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมาย และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย แม้ที่ผ่านมาทางฝ่ายผู้ต้องหาอาจจะมีความเป็นห่วงกังวลว่าถูกกลั่นแกล้ง หรือทางฝ่ายผู้เสียหายที่อาจจะมีความเป็นห่วงว่าคดีจะเกิดความล่าช้า

ทั้งนี้ ยืนยันด้วยว่าพ่อของผู้เสียหายไม่เคยเร่งรัดหรือกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากบอกว่าให้ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน และกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น รวมทั้งไม่เคยมีผู้ใดโทร.มาสั่งคดีดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น