xs
xsm
sm
md
lg

แม่พา “เจมส์บอนด์” ออก รพ.กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านจังหวัดน่าน ย้ำเชื่อมั่นกระบวนการกฎหมาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - แม่ควง“เจมส์บอนด์” เปิดใจส่งท้ายกรณีคดีลูกชายถูกรุมทำร้ายที่ “มาลิน สกาย” ก่อนพาตัวออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านจังหวัดน่าน ระบุเบื้องต้นอาการต่างๆ ดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังต้องเฝ้าติดตามใกล้ชิดและยังมีอาการหวาดผวาอยู่ตลอดช่วงนอน ยืนยันไม่รู้สึกโกรธหรือเคียดแค้นคนที่ลงมือรุมทำร้าย ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย แย้มคืนเกิดเหตุพยายามเข้าใช้ห้องน้ำชายแต่ถูกการ์ดห้ามเพราะมีดาราชายใช้อยู่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ขณะที่แม่ยันเชื่อมั่นการทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจและยังไม่เคยขอโอนย้ายคดีนี้ไปให้กองปราบฯ หรือดีเอสไอดูแล



บ่ายวันนี้ (5 ธ.ค. 59) ที่โรงพยาบาลลานนา จังหวัดเชียงใหม่ นางปุนยวัจนา วรรคาวิสันต์ และนายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ หรือ “เจมส์บอนด์” ลูกชาย ผู้เสียหายในคดีที่ “บอล กฤษณะ อมิตรสูญ" แฟนของดาราสาว “อุ้ม ลักขณา” พร้อมพวกรวม 4 คนเป็นผู้ต้องหารุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมด้วย นพ.ราชันย์พัทธ์ วรเวชานนท์ แพทย์ศัลยกรรมโรงพยาบาลลานนา และนายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ทนายความ ร่วมกันแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นส่งท้ายก่อนที่จะมีการพาลูกชายออกจากโรงพยาบาลที่นอนพักรักษาตัวมาตั้งแต่คืนวันที่ 25 พ.ย. 59 กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านพักในจังหวัดน่าน

ทั้งนี้ นายอิศราชนุวัฒภ์เปิดเผยว่า ขณะนี้อาการบาดเจ็บดีขึ้นบ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสภาพจิตใจแม้ว่าจะดีขึ้นบ้างแต่ยังคงรู้สึกและมีอาการหวาดผวาอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงนอนหลับ ต้องกราบขอบพระคุณผู้เป็นแม่อย่างสูงที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดและเป็นกำลังใจให้ตลอดเวลา ส่วนคู่กรณีที่ร่วมกันลงมือทำร้ายร่างกายตัวเองจนได้รับบาดเจ็บสาหัสในครั้งนี้นั้น ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกโกรธหรือมีความเคียดแค้นใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างจากนี้ขอให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย นอกจากนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่ทราบเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดครั้งนี้ โดยที่เข้าใจและให้กำลังใจตัวเองเป็นอย่างดีด้วย

นอกจากนี้ นายอิศราชนุวัฒภ์กล่าวเพิ่มเติมถึงคืนวันเกิดเหตุว่า คืนที่มีเรื่องนั้นตัวเองจะเข้าห้องน้ำชายแต่มีการ์ดของร้านห้ามไว้โดยบอกว่ามีดาราชายใช้อยู่แต่ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด จึงไปเข้าห้องน้ำหญิงแทน รายละเอียดต่างๆ แจ้งต่อพนักงานสอบสวนแล้ว

ขณะที่นางปุนยวัจนา ผู้เป็นแม่ เปิดเผยว่า เวลานี้อาการบาดเจ็บของลูกชายดีขึ้น แต่แพทย์ยังคงต้องการให้นอนพักรักษาตัวและดูอาการที่โรงพยาบาลต่อไปอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีความจำเป็นและติดภารกิจสำคัญทำให้ตัวเองไม่สามารถที่จะอยู่เฝ้าอาการของลูกชายได้ จึงตัดสินใจนำตัวกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านพักที่จังหวัดน่านแทน โดยจะมีการเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้ปรึกษากับแพทย์ที่ทำการรักษาและได้รับอนุญาตแล้ว

ในส่วนของคดีความนั้น เบื้องต้นปล่อยให้มีการดำเนินการไปตามกระบวนการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยังไม่มีการร้องขอให้โอนย้ายคดีนี้ไปให้กองปราบปราม หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดูแลแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เมื่อออกจากโรงพยาบาลกลับไปที่จังหวัดน่านแล้ว ตั้งใจจะพาลูกชายไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ตามวัดต่างๆ โดยเฉพาะวัดพระธาตุแช่แห้ง วัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดน่าน ส่วนกรณีที่หาก “บอล กฤษณะ” คู่กรณีจะขอเข้าพบหรือเจรจาไกล่เกลี่ยนั้น ในเวลานี้บอกได้แต่เพียงว่าต้องขอทำใจสักระยะหนึ่งก่อน

ด้าน นพ.ราชันย์พัทธ์ วรเวชานนท์ แพทย์ศัลยกรรมโรงพยาบาลลานนา เปิดเผยว่า อาการในภาพรวมของผู้ป่วยดีขึ้นตามลำดับ อาการบาดเจ็บที่น่าเป็นห่วงที่สุดเป็นในส่วนของจมูก ที่พบว่าคนไข้ยังมีอาการบวมและปวดอยู่ แต่การหายใจเป็นปกติ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ห้ามกระทบกระเทือน คาดว่าจะต้องใช้เวลาพักฟื้น 3-4 สัปดาห์ ขณะที่อาการบาดเจ็บอื่นๆ ที่ต้องติดตามอาการต่อเนื่อง ได้แก่ ฟัน และตา รวมทั้งสมองที่แม้จะไม่ได้รับการกระทบกระเทือนหนักก็ตาม เบื้องต้นจะมีการนัดตรวจอาการทุก 2 สัปดาห์

ส่วนนายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ทนายความ กล่าวว่า ในเรื่องของรูปคดีนั้นทางผู้ก่อเหตุมีการกระตือรือร้นที่จะแสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีกับรูปคดีว่ายังมีความรับผิดชอบและกล้ารับผิดอย่างลูกผู้ชาย โดยในรูปคดีไม่ได้ซับซ้อน มีการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเป็นระบบซึ่งไม่น่ามีความกังวลใดๆ โดยหลังจากนี้จะต้องมีการปรึกษากับทางครอบครัวผู้เสียหายว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไรต่อซึ่งไม่เป็นเรื่องน่าห่วง





กำลังโหลดความคิดเห็น