นายกฯ จี้ติดบริษัทประชารัฐเหนือ “ประวิตร” สั่งสำรวจติดวงจรปิดทั่วประเทศ

เชียงราย - รมต.ประจำสำนักนายกฯ ประชุมผู้ว่าฯ-ส่วนราชการกลุ่มจังหวัดเหนือบน 2 เผยนายกฯ สั่งตามความคืบหน้าผลประชุม กรอ. ขณะที่รองนายกฯ สั่งทุกจังหวัดสำรวจกล้องวงจรปิด ก่อนเริ่มติดปีหน้าทั้งประเทศ ย้ำที่ควรติดไม่ติดมีโดน พร้อมกำชับปีใหม่นี้ใช้ของขวัญจากเกษตรกรเป็นหลัก

วันนี้ (8 ธ.ค.) ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานประชุมกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค พื้นที่เขตตรวจราชการที่ 16 ที่ห้องจอมกิตติ ศาลากลาง จ.เชียงราย โดยมีนายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยผู้ว่าฯ ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 อีก 3 จังหวัด คือ พะเยา แพร่ และน่าน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ม.ล.ปนัดดาได้แจ้งให้ที่ประชุมถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้นำไปปฏิบัติหลายเรื่องโดยให้ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับผลการประชุมร่วมคณะกรรมการภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เมื่อ 28 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า โครงการต่างๆ ที่ได้เห็นชอบมีความคืบหน้าไปแล้วอย่างไรเพื่อให้มีความต่อเนื่องในการขับเคลื่อน

นอกจากนี้ยังระบุเรื่องการถ่ายโอนงบประมาณไปสู่เศรษฐกิจฐานรากว่า ให้แต่ละพื้นที่ตรวจสอบให้ผู้รับตรงตามเป้าหมาย และตรงกับความต้องการของประชาชน ขณะเดียวกันให้มีการตั้งคณะกรรมการประชารัฐระดับจังหวัดและตำบลให้เป็นรูปธรรม เพื่อให้การขับเคลื่อนบริษัทประชารัฐรักสามัคคีมีความคืบหน้า

“ทางรัฐบาลจะมีการโอนงบประมาณให้กลุ่มจังหวัดทั่วประเทศกลุ่มละ 50 ล้านบาทด้วย คงจะมีการหารือเพื่อเพิ่มเติมงบประมาณกันต่อไป”

รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เสนอต่อหน้านายกรัฐมนตรีว่าให้มีการสำรวจเรื่องกล้องวงจรปิด หรือซีซีทีวีทั่วประเทศด้วย ดังนั้นให้ทุกจังหวัดสำรวจจุดที่ติดตั้ง จุดที่ควรติดตั้งใหม่ จุดชำรุด ฯลฯ เพื่อจะได้ดำเนินการให้ครบถ้วนทั้ง 76 จังหวัด และกรุงเทพฯ ภายในเดือนมีนาคม 2560 เป็นต้นไป

“รองนายกรัฐมนตรีถึงขั้นระบุว่า หากพบว่าพื้นที่ใดที่ควรจะติดตั้งแต่กลับไม่พบกล้องซีซีทีวีเลยจะต้องให้ผู้ที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้นๆ รับผิดชอบด้วย” ม.ล.ปนัดดากล่าวย้ำ

ม.ล.ปนัดดากล่าวด้วยว่า และเนื่องจากช่วงนี้เข้าสู่เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าสำนักงานป้องกันและปราปปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็กำหนดให้เจ้าหน้าที่รับของขวัญชิ้นละไม่เกิน 3,000 บาทอยู่แล้ว แต่แนวทางควรจะมอบกันด้วยของขวัญที่เป็นสินค้าจากกลุ่มเกษตรกรเป็นหลัก เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ฐานรากและหากบุคคลใดได้จำนวนมากๆ ก็ควรจะนำไปบริจาคบ้านพักคนชรา เด็กยากไร้ ฯลฯ ต่อไป