ลำปาง - ถอดบทเรียนชาวนา “ฮ่องห้า ลำปาง” รวมกลุ่มจัดสรรพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิ ไรซ์เบอร์รี่ ข้าวเหนียวก่ำ ก่อนสีเอง กินเอง ขายเอง ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ง้อพ่อค้าคนกลาง ได้ราคาสูงถึงกิโลละ 35 บาท แถมขายดิบขายดีจนผลผลิตไม่พอขาย
รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ราคาข้าวเปลือก ข้าวสารในท้องตลาดจะตกต่ำ จนทำให้ชาวนาทั่วประเทศเดือดร้อนขาดทุนกันทั่ว แต่ดูเหมือนวิกฤตราคาข้าวที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อชาวนาบ้านฮ่องห้า หมู่ 1 ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ปลูก และเก็บเกี่ยวผลผลิตเหมือนกับชาวนาจังหวัดอื่นๆ เช่นกัน
นางจ้อน หมู่แก้ว ประธานกลุ่มข้าวซ้อมมือบ้านฮ่องห้า ม.1 ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เปิดเผยว่า เดิมตน และชาวบ้านแถวนี้ก็มีอาชีพปลูกข้าวอยู่แล้ว แต่จะปลูกเฉพาะข้าวเจ้าสันป่าตอง และข้าวไร่ หรือข้าวเหนียวก่ำ ซึ่งเป็นพันธุ์ดั้งเดิม แต่สมัยก่อนขายได้ไม่ค่อยดีเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมรับประทาน
ต่อมา ประมาณปี 2539 เจ้าหน้าที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวลำปาง ได้เข้ามาแนะนำให้ปลูกข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอร์รี่เพิ่มเติม โดยนำพันธุ์มาให้ทดลองปลูก แต่กำหนดให้แบ่งแปลงนา ปลูกข้าวหอมมะลิ ยืนพื้นคนละ 2 ไร่ นอกเหนือจากนั้นก็ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวกล้อง ส่วนไร่ ก็ปลูกข้าวเหนียวก่ำพันธุ์ดั้งเดิม ผสมกับไม้ผลอื่นๆ ที่สามารถเก็บกิน และจำหน่ายได้ด้วย
นางจ้อน บอกว่า 3 ปีหลังจากนั้นข้าวที่ปลูกเริ่มขายได้ ทำให้ชาวบ้านใกล้เคียงให้ความสนใจ เจ้าหน้าที่ศูนย์เมล็กพันธุ์ข้าว สำนักงานเกษตรฯ จึงได้เข้ามาช่วยดูแล โดยให้รวมกลุ่มกันปลูก แต่ก็ยังใช้วิธีเดิมคือ จำกัดพื้นที่ปลูก โดยให้ทุกคนปลูกข้าวหอมมะลิคนละ 2 ไร่เท่านั้น นอกนั้นก็ให้ปลูกข้าวอื่นเพิ่มตามสัดส่วนของพื้นที่ที่แต่ละคนมี
หลังทำตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำได้ระยะหนึ่ง ก็พบว่า ราคาข้าวที่สมาชิกกลุ่มปลูกสามารถขายได้ในราคาสูงสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ จนถึงปัจจุบันมีสมาชิก 35 คน เมื่อมีคนสั่งซื้อข้าวทางกลุ่มจะแบ่งการจำหน่ายหมุนเวียนตามออเดอร์ลูกค้า
เช่น วันนี้ถ้ามีลูกค้าสั่งข้าวทั้ง 3 ชนิด มา 100 กิโลกรัม สมาชิกกลุ่มคนไหนว่างก็จะไปช่วยสมาชิกที่ได้คิวในรอบนั้นสีข้าว และบรรจุหีบห่อ ซึ่งสมาชิกที่ไม่ได้คิวขายข้าวก็จะมีรายได้จากค่าบรรจุหีบห่อ ส่วนสมาชิกที่ได้คิวขายข้าวในรอบนี้ก็จะได้ทั้งการขายข้าวให้กลุ่มในราคากิโลกรัมละ 35 บาท และได้ค่าแรงในการช่วยบรรจุหีบห่อด้วย ทำให้ทุกคนพอใจ
ส่วนกลุ่มฯ ก็อยู่ได้ เพราะหลังจากซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิกก็นำมาแปรรูโดยการสีเอง บรรจุถุงด้วยเครืองสุญญากาศเอง และนำจำหน่ายเอง โดยข้าวที่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามาก ได้แก่ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวกล้อง ข้าวเหนียวก่ำ ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมือง และข้าวหอมมะลิ ตามลำดับ แต่ละเดือนจะมีรายได้กว่า 1 หมื่นบาท
โดยข้าวที่บรรจุถุงเรียบร้อยทางกลุ่มจะจำหน่ายในราคาที่ไม่แพง คือ ข้าวก่ำ ขายราคาสูงสุด กก.ละ 90 บาท ถัดมาคือ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวกล้อง กก.ละ 80 บาท และข้าวหอมมะลิ กก.ละ 70 บาท ซึ่งขายดีจนไม่พอขาย
และปัจจุบันนี้ กลุ่มฯ สามารถทำโรงสีข้าวขนาดเล็กเอง สีข้าวได้ครั้งละ 10 กิโลกรัม มีเครื่องแพกสุญญากาศเป็นของกลุ่มไว้ใช้เอง โดยจะยึดการปลูกข้าวที่มีคุณภาพ แปรรูปเอง จำหน่ายเอง ทำให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกไม่เดือดร้อนจากราคาข้าวที่ตกต่ำ แต่ละคนจะมีรายได้เดือนละกว่า 1 หมื่นบาทแทบทุกคน