xs
xsm
sm
md
lg

ชัดเจน! แผนปรับปรุงบึงสีไฟ เน้นใช้พื้นที่หลักเป็นแก้มลิงมีน้ำ-ปลา-ดอกบัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พิจิตร - กรมทรัพยากรน้ำเสนอแผนพัฒนาบึงสีไฟ ใช้งบ 253 ล้านบาท สร้างแหล่งท่องเที่ยวและจุดเรียนรู้ระบบนิเวศตามโครงการพระราชดำริให้บึงสีไฟเป็นแก้มลิง เน้นตีกรอบห้ามมีการก่อสร้างเพิ่มเติมใดๆ อีก

วันนี้ (30 พ.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดพิจิตร นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมกับนายยรรยง อินทฤทธิ์ ผู้ตรวจราชการกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงแนวทางการพัฒนาบึงสีไฟ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติ และเป็นแหล่งน้ำใหญ่อันดับ 3 ของประเทศไทย แต่สภาพความเป็นจริงเมื่อถึงฤดูน้ำหลากกลับกลายเป็นว่าไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ อีกทั้งเมื่อถึงฤดูแล้งน้ำก็แห้งขอดจนเกิดไฟไหม้วัชพืชในบึงสีไฟ ส่งปัญหาด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงต้องหาแนวทางแก้ไข

โดยในที่ประชุมได้ข้อสรุปยอมรับแผนงานของกรมทรัพยากรน้ำที่เสนอแผนการใช้งบประมาณ 253 ล้านบาท เพื่อจะทำการขุดลอกและพัฒนา รวมถึงสร้างแหล่งท่องเที่ยวและจุดเรียนรู้ระบบนิเวศตามโครงการพระราชดำริให้บึงสีไฟเป็นแก้มลิง สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และเป็นที่รองรับน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากให้ได้ในอนาคตต่อไป

สำหรับแนวทางการดำเนินการทุกภาคส่วนที่นำโดยนายปิยะ วงศ์ลือชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นคณะทำงานได้ร่วมกันลงพื้นที่จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนร่วมกับ นายนิทัศน์ สุดดีพงษ์ ผู้อำนวยการส่วนมาตรการสำนักอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้นำท้องถิ่นรวมถึงส่วนราชการ ซึ่งได้ข้อยุติว่าชาวจังหวัดพิจิตรสนับสนุน ต้องการให้พัฒนาบึงสีไฟรวมถึงให้สร้างความเป็นธรรมชาติกลับคืนมา นั่นคือบึงสีไฟต้องมีน้ำมีปลา มีดอกบัว และมีอากาศที่บริสุทธิ์ เป็นแหล่งพักพิงและเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำ

นายปิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขณะนี้แบ่งงานเป็นสองส่วน คือ การจัดทำโครงการและการหางบประมาณ ซึ่งการจัดทำโครงการได้แนวหลักจากผู้ว่าฯพิจิตร เป็น 5 แผนงาน และ 5 กิจกรรม คือ แผนสร้างบึงสีไฟให้เป็นแหล่งพักพิง และขยายพันธุ์อนุบาลสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ, รองรับน้ำในฤดูน้ำหลากเป็นแหล่งน้ำอุปโภค-บริโภค และเกษตรกรรม, ให้บึงสีไฟเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศและแหล่งเรียนรู้ของชุมชนรวมถึงให้ประโยชน์ตามธรรมชาติอย่างยั่งยืน

และ 5 กิจกรรม คือ ต้องให้บึงสีไฟมีการพัฒนาบริหารจัดการเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำตามวัตถุประสงค์, ปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่เน้นสิ่งปลูกสร้างหรือการลงทุน เพราะอาจมีปัญหาเรื่องการดูแลในระยะยาว, สร้างบึงสีไฟให้มีกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวและนันทนาการ, วางแผนพัฒนาบึงสีไฟระบบโครงสร้างพื้นฐาน, วางแผนจัดการบริหารองค์การบริหารพื้นที่ชุ่มน้ำบึงสีไฟอย่างเป็นระบบ ซึ่งทั้งหมดนี้ทุกฝ่ายตกผลึกทางความคิดเรียบร้อยแล้ว

ส่วนข้อกังวลที่ว่าการพัฒนาบึงสีไฟในอดีตติดขัดด้วยข้อกฎหมายที่มีกรมเจ้าท่าและกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม EIA นั้น ขณะนี้มีมติ ครม.ออกมาชัดเจนแล้วว่าการพัฒนาบึงสีไฟให้เป็นแก้มลิงหรือแหล่งน้ำ นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับ EIA แล้ว ส่วนกรมเจ้าท่าก็พร้อมสนับสนุน แต่มีข้อจำกัดว่าต้องไม่ขยายสิ่งปลูกสร้างหรือกินพื้นที่บึงเพิ่มเติมไปมากกว่าที่เป็นอยู่

อีกทั้งกรมน้ำฯ ก็วางแผนเรื่องการสมดุลน้ำทั้งระบบ น้ำเข้าบึงสีไฟและการแบ่งปันน้ำในบึงสีไฟให้แก่พื้นที่รอบข้างเพื่อทำการเกษตร โดยโครงการทั้งหมดนี้จะต้องของบประมาณจากรัฐบาลจำนวน 253 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บึงสีไฟสวยสดงดงามครบวงจรได้อย่างแน่นอน





กำลังโหลดความคิดเห็น