ระยอง - เทศบาลตำบลมาบข่า อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เปิดโครงการ “รักปลอดภัย อย่าไว้ใจเอดส์” เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาการแพร่ระบาดของโรคเอดส์
วันนี้ (29 พ.ย.) นายเอนก จันทร์บัว รองนายกเทศมนตรีตำบลมาบข่า เป็นประธานเปิดโครงการ “รักปลอดภัย อย่าไว้ใจเอดส์” ที่บริเวณชุมชนตลาด กม.12 ต.มาบข่า อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง โดยมี นายวิชาญ ด้วงประเสริฐ รองนายกเทศมนตรี นายจรัญ คนเฉลียว ประธานสภาเทศบาลตำบลมาบข่า นายมนูญ วิวรรณ ปลัดเทศบาลตำบลมาบข่า พ.จ.อ.จักรพันธ์ กรณีย์ หัวหน้าฝ่ายบริหารงานสาธารณสุข พนักงาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) นิคมพัฒนา มูลนิธิคุ้มครองสิทธิเอดส์ ศูนย์คามิลเลียน โซเชียล เซ็นเตอร์ระยอง บ้านสะมาเรีย เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี จ.ระยอง เครือข่ายรุ่งอรุณ กองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลตำบลมาบข่า คณะครู และนักเรียนโรงเรียนนิคมวิทยา เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก พร้อมเดินรณรงค์รอบตลาด กม.12 พร้อมแจกถุงยางอนามัยเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงปัญหาการแพร่ระบาดของโรคเอดส์
โดยให้ น.ส.ณัฐนีย์ ศรีกระโทก นักเรียนชั้น ม.2/8 โรงเรียนนิคมวิทยา อ่านเรียงความบางตอนที่เขียนด้วยตนเองว่า เนื่องในวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก และมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์หลายรูปแบบพร้อมกันทั่วโลก
โดยตั้งความหวังไว้ว่า 1.จะพยายามหยุดยั้งโรคเอดส์ 2.ให้ความเห็นใจ ห่วงใยต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์ และ 3.ให้ทุกๆ คนมีความรู้เรื่องโรคเอดส์ ซึ่งจังหวัดระยอง มีสถิติผู้ติดเชื้อเอชไอวีสูงเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยตระหนักถึงภัยร้ายสักเท่าไหร่ ในสังคมใช้ชีวิตเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนรักร่วมเพศ หรือคนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ คนที่ใช้ยาเสพติดโดยใช้เข็มฉีดสารเสพติดร่วมกัน
รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่สวมถุงยางอนามัย และที่แย่ไปกว่านั้น คือ มีค่านิยมคิดว่าไม่สวมถุงยางอนามัยก็ได้ ไว้ค่อยกินยาคุม และคนทั่วไปคิดว่าเรื่องเอดส์เป็นเรื่องไกลตัว เอดส์ไม่น่ากลัวเท่ากับการตั้งครรภ์ ถึงเวลาหรือยังที่เยาวชนคนไทยรุ่นใหม่จะทำความเข้าใจว่า “เอดส์เป็นปัญหาของทุกคน ประชาชนทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไข”
นายเอนก จันทร์บัว รองนายกเทศมนตรีตำบลมาบข่า กล่าวว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมาอีกมากมาย ถึงเวลาแล้วที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันในการวางแผนแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว หากปล่อยให้สถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ความสูญเสียที่เกิดขึ้นคงไม่อาจประเมินค่าได้ โดยเฉพาะการสูญเสียบุคลากรที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต