xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจหนุ่มตาเฉียบจับโจรผ่านโซเชียล แฉอุกอาจโจรกรรมซึ่งหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ฉะเชิงเทรา - เปิดใจหนุ่มสายตาเฉียบคม ช่วยตำรวจจับโจรขโมยรถผ่านโซเชียล ขณะเจ้าของรถแฉโจรลงมืออุกอาจเข้าไปทำทีถามหาก่อนโจรกรรมรถขับออกไปต่อหน้าคนในบ้าน ระบุคนร้ายเป็นคนในหมู่บ้านที่เคยวนเวียนนอนคุกมาตลอดเกือบทั้งชีวิต แต่ไม่เคยเข็ดหลาบ

วันนี้ (25 พ.ย.) เวลา 15.00 น. นายชูศักดิ์ แสนจินดา อายุ 35 ปี หนุ่มสายตาเฉียบช่วยตำรวจจับโจรขโมยรถ กล่าวเปิดเผยว่า ปกตินั้นตนเป็นคนที่สนใจด้านข่าวสารรอบตัวผ่านโลกโซเชียล โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น จ.ฉะเชิงเทรา และจะสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำ โดยแค่เพียงตนได้เห็นอะไรผ่านตาก็จะสามารถจดจำได้ เนื่องจากปกติตนนั้นมีอาชีพเป็นช่างติดตั้งเครื่องเสียงจึงสามารถจดจำอะไรได้ดี เมื่อได้เห็นรถคันไหนผ่านสายตาเพียงครั้งเดียวก็จะสามารถจำได้ โดยเฉพาะรถที่มีการติดสติกเกอร์เป็นสัญลักษณ์ต่างๆ ก็จะรู้ได้ว่าเป็นรถของใคร ตกแต่งมาจากค่ายไหน

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ เมื่อตนได้เห็นรถที่คนร้ายขับมาก็สามารถจดจำได้ว่าเป็นรถที่เคยประกาศแจ้งหายไว้บนสื่อโซเชียลในท้องถิ่น (เฟซบุ๊ก) จึงได้บอกกับแฟนซึ่งช่วยมารดาตนขายของว่า รถคันนี้ถูกขโมยมา จึงได้ทำทีเป็นมีรู้ไม่ชี้ โดยทำแบบเนียนๆ เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อที่จะหาทางทำอย่างไรก็ได้เพื่อเป็นการถ่วง หรือประวิงเวลาเอาไว้ ด้วยการเอาแม่แรงยกล้อขึ้นเพื่อป้องกันการหลบหนี ก่อนที่จะโทรศัพท์แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายชูศักดิ์ กล่าว

ขณะที่ นายทวีศักดิ์ ปานโต๊ะ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาที่เพิ่งถูกจับกุมตัวได้ในครั้งนี้ ได้บอกต่อผู้สื่อข่าวว่า จะไม่ขอพูดอะไรโดยจะขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น แต่เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามซักถามสอบเค้น และนำไปตรวจปัสสาวะ จนพบว่า ผลการตรวจออกมามีผลเป็นบวก จึงได้ยอมรับสารภาพว่า ได้เสพยาบ้ามาด้วย โดยเสพด้วยวิธีการผสมกับเครื่องดื่มชูกำลัง (คาราบาวแดง) แล้วดื่มเข้าไปเมื่อวันเสาร์ที่ 19 พ.ย.59 ที่ผ่านมา ก่อนลงมือก่อเหตุ 3 วัน

โดย นายทวีศักดิ์ ยังหัวหมออีกด้วยว่า ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพาไปให้ทางโรงพยาบาล ทำการตรวจสอบแยกหาสารเสพติดทางการแพทย์ เพื่อยืนยันผลการตรวจในครั้งนี้ด้วย ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการควบคุมตัวนำส่งไปให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อกล่าวหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) เอาไว้ก่อน

ขณะที่ นายกฤษณุ หวังมาน อายุ 25 ปี กล่าวว่า ได้จอดรถเอาไว้ภายในโรงรถที่บ้าน คลอง 21 เลขที่ 32/2 ม.5 ต.ดอนเกาะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา และได้หายไปเมื่อวันที่ 22 พ.ย.59 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.30 น. เพราะเสียบกุญแจรถไว้ เนื่องจากเห็นว่ารถจอดอยู่ในบ้านแล้วคงจะไม่มีใครกล้าเข้ามาขโมยเอาไป เนื่องจากบิดานั้นเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านด้วย โดยได้ทำลักษณะนี้อยู่เป็นประจำ และจะทำการล็อกรถ เก็บกุญแจไว้เฉพาะในช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น

ในวันเกิดเหตุคนร้ายได้ทำทีเข้ามาสอบถามหา นายอนุชา สังข์ยะลอ อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นบิดาของตน กับ นางวรินทร์ หวังมาน อายุ 18 น้องสาว ที่เลี้ยงลูกวัย 3 เดือน อยู่ที่บ้านแต่เพียงลำพังว่า นายอนุชา อยู่บ้านไหม โดยที่น้องสาวของตนนั้นไม่รู้จักหน้าตาคนร้าย แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นคนรู้จัก หรือเพื่อนของพ่อ ก่อนที่คนร้ายจะเดินเข้าไปในรถแล้วขับเอารถออกไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตาของน้องสาว

โดยคนร้ายที่ก่อเหตุนี้ก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน แต่น้องสาวของตนนั้นไม่รู้จัก เนื่องจากผู้ก่อเหตุเพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำได้เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น ในข้อหาลักทรัพย์ เช่นเดียวกับในครั้งนี้ โดยเขามักจะวนเวียนติดคุกอยู่กับเรือนจำมาโดยตลอด ในข้อหาลักทรัพย์ จนบรรดาญาติๆ ของเขาเองก็ไม่มีใครยินยอมให้เขามาอยู่อาศัยด้วยแล้ว ซึ่งครั้งล่าสุดที่เพิ่งพ้นโทษออกมาได้ถูกศาลสั่งจำคุกมาเป็นเวลา 7 ปี และก็ยังไม่ยอมเข็ดหลาบอีก ยังกลับมาก่อเหตุขโมยรถยนต์จากที่บ้านของตนไปอีก นายกฤษณุ กล่าว

ด้าน นางสะหยุ่น อุตะเจริญ อายุ 63 ปี แม่ค้าขายอาหารตามสั่ง (ร้านเรือทอง) ริมเส้นทางเข้าวัดสมานรัตนาราม กล่าวว่า คนร้ายได้ขับรถเข้ามาจากทางวัดสมานฯ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในย่านนี้ ได้เข้ามาจอดรถที่ด้านหลังร้าน และได้เข้ามานั่งที่โต๊ะสุดท้ายด้านในสุด เป็นชายหญิง 2 คน ก่อนที่จะสั่งผัดกะเพราไข่ดาว และระหว่างที่นั่งกินข้าวกันอยู่นั้น คนร้ายได้เห็นว่ายางรถแบนลงจึงได้ถามกับตนว่าแถวนี้มีร้านปะยางหรือไม่ ตนจึงบอกไปว่าให้กินข้าวกันไปก่อน ลูกชายตนเป็นช่างถอดล้อได้ เดี๋ยวจะบอกให้มาถอดล้อเอาไปปะ

จากนั้นระหว่างที่รอลูกชายของตนมาถอดเอาล้อออก คนร้ายยังได้สั่งเบียร์มานั่งดื่มรออีก 1 ขวด จนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง คนร้ายจึงได้พยายามวิ่งหลบหนีไป ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมพื้นที่ และเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด นางสะหยุ่น กล่าว

ร.ต.ท.นิพนธ์ ศิริเจริญ รอง สวป.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา หัวหน้าชุดปิดล้อมจับกุม กล่าวว่า หลังการจับกุมได้ทำบันทึกตรวจยึดรถที่คนร้ายโจรกรรมมาเอาไว้ จากนั้นจะทำการส่งตัวไปตรวจหาสารเสพติดที่ รพ.พุทธโสธร อีกครั้ง เพื่อยืนยันผลการตรวจเบื้องต้น หลังจากตรวจพบว่าปัสสาวะมีผลเป็นบวก ก่อนที่จะดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด (ยาบ้า) จากนั้นจะประสานไปยังทาง สภ.ฉิมพลี ให้มารับตัวไปดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น